กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--บีโอไอ
คณะทำงานพิจารณาโครงการบีโอไอ ส่งเสริมลงทุนกิจการผลิตยางผสมส่งออกตลาดไต้หวันและจีน หลังเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ปริมาณใช้ยางพาราลดลงโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะทำงานพิจารณาโครงการ ได้อนุมัติให้การส่งเสริมลงทุนแก่ บริษัท เอเอ รับเบอร์ จำกัด เพื่อขยายกิจการผลิตยางผสม ( COMPOUNDED RUBBER ) มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 19 ล้านบาท กำลังการผลิตประมาณ 26,000 ตันต่อปี โดยจะนำยางและสารเคมีเข้าเครื่องผสม เพื่อบด อัด และย่อยยางให้เป็นเนื้อเดียวกันก่อนอัดเป็นก้อนเพื่อจำหน่ายโดยมีตลาดส่งออกสำคัญในประเทศไต้หวันและจีน
“กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนนี้ เป็นกิจการที่บีโอไอให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะเน้นเรื่องการส่งเสริมและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น ตามนโยบายปีแห่งการลงทุนไทย และยังช่วยเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราระบายผลผลิตที่กำลังตกต่ำออกสู่ตลาด จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้ยางพาราลดลงโดยเฉพาะตลาดหลักอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ ” เลขาบีโอไอกล่าว
โครงการนี้ใช้วัตถุดิบในประเทศ ได้แก่ เศษยาง ยางแท่ง มูลค่าประมาณ 1,441 ล้านบาทต่อปี และใช้วัตถุดิบต่างประเทศ ได้แก่ คาร์บอนแบล็ค และสารเคมี มูลค่าประมาณ 56.8 ล้านบาทต่อปี สำหรับปริมาณการส่งออกยางผสมในปี 2550 ประเทศไทยมีการส่งออกทั้งสิ้น 105,1519 ตัน ส่วนการส่งออกยางผสมในปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน มีการส่งออก 85,167 ตัน ขณะเดียวกันยางแผ่น เศษยาง และยางแท่งที่นำมาใช้ในโครงการนี้ได้มาจากโรงงานยางในจังหวัดยะลาและสงขลา
สำหรับราคายางแผ่นดิบ ณ ตลาดกลางซื้อขายยางพาราจังหวัดสุราษฎร์ธานีปัจจุบันจำหน่ายที่ 58.48 บาทต่อกิโลกรัมเป็นการปรับลดลงจาก 80.05 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงต้นปี 2551
ทั้งนี้บริษัท เอเอ รับเบอร์ จำกัด เคยได้รับการส่งเสริมลงทุนจากบีโอไอไปแล้วรวม 2 โครงการ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2538 และ 28 เมษายน 2542 เพื่อผลิตยางแท่ง และยางแผ่น แต่ประสบปัญหาขาดแคลนคนงานกรีดยางจึงทำให้น้ำยางสดไม่เพียงพอ จึงเปลี่ยนการผลิตมาเป็นยางผสมแทน
ศูนย์บริการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กระทรวงอุตสาหกรรม
โทร 0 2537- 8111 , 0 2537- 8155