กองทัพเรือ จัดผู้แทนร่วมพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึก

ข่าวทั่วไป Wednesday February 1, 2006 11:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
พลเรือตรี พีรศักดิ์ วัฒนรณชัย ผู้ชำนาญการกองทัพเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมในพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น "วันทหารผ่านศึก" ของประเทศไทย เนื่องมาจากเป็นวันที่รัฐบาลได้จัดตั้ง "องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก" ขึ้นเพื่อให้เป็นหน่วยงานถาวร ทำหน้าที่ ให้การสงเคราะห์แก่ "ทหารผ่านศึก" และครอบครัวทหารผ่านศึกโดยตรง โดยมีการร่างพระราชบัญญัติ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๑ จึงถือว่าวันนี้เป็นวันทหารผ่านศึกตลอดมา ความสำคัญของวันทหารผ่านศึกยังเกี่ยวข้องกับ "อนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ" อนุสรณ์สถานที่จะต้องมีการวางพวงมาลาของบุคคลสำคัญของประเทศ เพื่อคารวะดวงวิญญาณ ของทหารหาญและเหล่าวีรชนคนกล้า ที่มีชื่อจารึกอยู่บนอนุสาวรีย์ เป็นการเทิดเกียรติแก่คนเหล่านั้น ที่ได้เสียสละชีพเพื่อชาติ และปกป้องอธิปไตยของชาติไทยในเหตุการณ์พิพาทระหว่างไทยและฝรั่งเศส ในการเรียกร้องดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืน และเป็นสิ่งเตือนใจให้ชาวไทยได้ระลึกเสมอว่า "ชาติไทยนั้นดำรงความเป็นเอกราชและรักษาความเป็นชาติอยู่ได้ล้วนเกิดจากความกล้าหาญและเสียสละของบรรดาวีรชนนักรบไทย"
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งตั้งเด่นสง่า ณ ศูนย์กลางของต้นทางหลวงถนนพหลโยธินช่วงถนนพญาไทบรรจบกับถนนราชวิถี กรุงเทพมหานคร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับศิลาอ่อน มีรูปทรงเป็นดาบปลายปืน ๕ เล่ม มีความสูงประมาณ ๕๐ เมตร รอบดาบปลายปืนมีรูปปั้นนักรบ ๕ เหล่า คือ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ยืนล้อมรอบอยู่ บริเวณใต้รูปปั้นมีแผ่นทองแดง ซึ่งเป็นที่จารึกรายชื่อของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กรณีพิพาทระหว่างไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศส อันเป็นที่มาของการสร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ กล่าวคือ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ในสมัยรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไทยได้เรียกร้องขอดินแดนคืนจากฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศสได้เร่งรัดให้ไทยทำสัตยาบันไม่รุกรานฝรั่งเศส เป็นการตอบแทนตามที่ได้เคยทำสัญญาไว้ โดยสัญญาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อแลกสัตยาบันกันเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลไทยให้คำตอบว่ายินดีจะทำตาม หากฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนหลวงพระบางปากเซทางฝั่งขวา ของแม่น้ำโขงคืนให้กับไทย และทำการปักปันเส้นเขตแดนในลำน้ำโขงให้เรียบร้อย และต้องรับประกันว่า จะยกประเทศลาว ซึ่งเป็นอาณาจักรของไทยมาแต่เดิมคืนให้กับไทยหลังจากที่พ้นจากการปกครอง ของฝรั่งเศส แต่ฝรั่งเศสตอบปฏิเสธข้อเสนอนี้ กรณีพิพาทจึงเกิดขึ้นและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อฝรั่งเศส ทำการทิ้งระเบิดที่จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ และทางรัฐบาลไทยได้โต้ตอบ ด้วยการทิ้งระเบิดบ้าง จึงเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันด้วยกำลังทหารและอาวุธ จนกระทั่งรัฐบาลญี่ปุ่น ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทให้ยุติลง ด้วยการตั้งกรรมการขึ้นเพื่อการประชุมทำสัตยาบันสันติภาพ ที่กรุงโตเกียว โดยฝรั่งเศสตกลงยอมยกดินแดนหลวงพระบางฝั่งขวาของแม่น้ำโขง นครจำปาศักดิ์ กับที่ ท่าสามเหลี่ยมฝั่งขวา และอาณาเขตมณฑลบูรพาเดิมให้กับไทย
ผลจากกรณีพิพาทครั้งนี้ ประเทศไทยต้องสูญเสียทหารหาญผู้กล้าจำนวนถึง ๕๙ ราย อนุสาวรีย์แห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่จารึกรายนามของทหารหาญเหล่านี้ รวมถึงผู้กล้าที่เสียชีวิต ในสงครามโลก ครั้งที่ ๒ และสงครามเกาหลี จึงกล่าวได้ว่า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นอนุสรณ์สถานแห่งการรำลึกถึงเกียรติคุณ และคุณงามความดีของทหารหาญผู้กล้าทั้งหลาย ที่ได้เสียสละเลือด เนื้อ และชีวิต ในการปกป้องเอกราชอธิปไตยไว้ให้ลูกหลานสืบไปชั่วนิรันดร์ และในวันทหารผ่านศึก ๓ กุมภาพันธ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจึงได้จัดให้มีพิธีวางพวงมาลา เพื่อเป็นการแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้า ณ อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นประจำทุกปี--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ