กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการยุโรป ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทลงโทษ และการจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าภายหลังวันที่ 1 ธันวาคม 2551 สำหรับผู้ส่งออกรายใหม่ ดังนี้
1.) มาตรา 126 ของระเบียบ REACH กำหนดให้ประเทศสมาชิก EU กำหนดบทบัญญัติการ
ลงโทษและแจ้งต่อคณะกรรมาธิการฯ ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2551 กรณีการไม่ปฏิบัติให้สอดคล้องกับระเบียบ REACH โดยที่บทลงโทษดังกล่าวต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายประชาคม คือ “Effective, Proportionate and Dissuasive” ซึ่งแนวคิดให้บทบัญญัติมี “Effective” หมายถึง การช่วย เหลือให้มีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับข้อบังคับ ส่วนแนวคิด “Proportionate” มีนัยว่า การกระทำฝ่าฝืนเล็กน้อยต้องไม่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง และแนวคิด “Persuasive” มีความหมายว่า บริษัทควรยับยั้งการกระทำที่จะฝ่าฝืนระเบียบ เมื่อทราบถึงการลงโทษที่จะเกิดขึ้น
2.) นอกจากนี้มาตรา 126 ของระเบียบ REACH ได้บัญญัติเกี่ยวกับการจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าหลังจากวันที่ 1 ธันวาคม 2551 โดยกำหนดให้ผู้ผลิตหรือนำเข้าสารเคมี Phase - in ในปริมาณ ตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไปและใช้สารนั้นเพื่อผลิตสินค้าหรือนำเข้าสินค้าที่มีสารนั้นเจือปนเป็นครั้งแรกหลังจาก วันที่ 1 ธันวาคม 2551 ให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากการยืดกำหนดเวลาสิ้นสุดการจดทะเบียนสารเคมี หากสามารถยื่นข้อมูลการจดทะเบียนล่วงหน้าต่อ ECHA ภายใน 6 เดือนของการผลิต / การใช้ประโยชน์หรือการนำเข้าสารเคมีนั้นในปริมาณตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไปเป็นครั้งแรกโดยต้องดำเนินการไม่ต่ำกว่า 12 เดือนก่อนกำหนดเวลาสิ้นสุดสำหรับการจดทะเบียน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อกำหนดดังกล่าวไม่สามารถบังคับใช้ในกรณีบริษัท ที่เข้าข่ายต้องจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2551 แล้วไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวลา ที่กำหนดไว้
REACH : Registration Evaluation Authorization and Restriction of Chemiscal.