ผลการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 12/2551 และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนครั้งที่ 9/2551

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 17, 2008 11:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ก.ล.ต. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ในการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ที่ประชุมได้มีการหารือและมีมติให้ผ่อนคลายเกณฑ์เรื่องต่างๆ อันเป็นการลดภาระของภาคเอกชนในการระดมทุน ขจัดอุปสรรคในการไถ่ถอนหน่วยลงทุน และเห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนเพื่อให้ภาคเอกชนมีความคล่องตัวในการดำเนินการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คณะกรรมการ ก.ล.ต. และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการออกและเสนอขายตราสารทุนและตราสารหนี้ในวงจำกัด โดยให้ถือว่าได้รับอนุญาตเป็นการทั่วไปและได้รับยกเว้นการเปิดเผยข้อมูลก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ เนื่องจากการเสนอขายดังกล่าวเป็นการเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนในวงแคบที่สามารถดูแลตนเองได้ หรือเป็นการเสนอขายให้แก่บุคคลที่รู้ข้อมูลของบริษัทดีอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยให้การเสนอขายหลักทรัพย์มีความสะดวกมากขึ้น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการระดมทุนของภาคเอกชน ประกอบกับการมีผลใช้บังคับของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2551 ตั้งแต่ วันที่ 31 สิงหาคม 2551 ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดของผู้บริหารบริษัทที่ออกและเสนอขายหลักทรัพย์ รวมทั้งให้สิทธิแก่ผู้ลงทุนที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้แล้ว การผ่อนคลายหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จึงไม่ได้ทำให้การคุ้มครองผู้ลงทุนด้อยลง เนื่องจากผู้ลงทุนสามารถใช้ช่องทางตามกฎหมายรักษาประโยชน์ของตนเองได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ที่แก้ไขข้างต้นกำหนดให้การเสนอขายหลักทรัพย์ในลักษณะดังต่อไปนี้ไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตและไม่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน (1) การเสนอขาย warrant และใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (Transferable Subscription Right : TSR) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (2) การเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการหรือพนักงาน (3) การเสนอขายหุ้นและ warrant ให้แก่ผู้ลงทุนไม่เกิน 50 ราย (เดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 35 ราย) (4) การเสนอขาย warrant ที่มีมูลค่าไม่เกิน 20 ล้านบาทในรอบระยะเวลา 12 เดือน (5) การเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (6) การเสนอขายตราสารหนี้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศ สำหรับการเสนอขายตราสารหนี้แบบเฉพาะเจาะจงที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ (high net worth investors) ให้ได้รับการผ่อนปรนไม่ต้องยื่นคำขออนุญาต โดยให้ถือว่าได้รับอนุญาตเป็นการทั่วไป แต่ยังคงต้องมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือและยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเกณฑ์ shelf filing สำหรับการเสนอขายตราสารหนี้ระยะสั้นและตราสารหนี้ระยะยาวให้แก่ประชาชนในวงกว้างให้สอดคล้องกัน โดยแก้ไขเกณฑ์ให้ตราสารหนี้ระยะยาวที่จะ shelf filing ไม่จำเป็นต้องมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ investment grade ขึ้นไป ประกาศการออกและเสนอขายตราสารทุนและตราสารหนี้ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการยกร่างประกาศ ซึ่งคาดว่าจะเผยแพร่ร่างประกาศฉบับสมบูรณ์ทางเว็บไซต์ (www.sec.or.th) ได้ภายในเดือนธันวาคมศกนี้ และโดยที่หลักเกณฑ์ที่แก้ไขมีรายละเอียดค่อนข้างมาก สำนักงาน ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ที่สนใจติดตามหลักเกณฑ์ในรายละเอียดอีกครั้งจากร่างประกาศดังกล่าว 2. คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีมติให้แก้ไขเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดการกองทุนรวม LTF โดย (1) ยกเลิกเกณฑ์ที่กำหนดให้ขายคืนหน่วยลงทุน LTF ได้เพียงไม่เกินปีละ 2 ครั้ง อันจะมีผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุน สามารถวางแผนการขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามความเหมาะสม และ (2) ตามที่เกณฑ์ปัจจุบันกำหนดให้กองทุนรวม LTF ต้องลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต่ำกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวม ในครั้งนี้ได้มีการขยายประเภททรัพย์สินที่สามารถนับรวม ในสัดส่วน 65% นี้ได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ หลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับหุ้นของบริษัทจดทะเบียนหรือกลุ่มหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น warrant, single stock futures, กองทุนรวมอีทีเอฟที่สะท้อนดัชนี SET 50 และกองทุนรวมดัชนีหุ้นสามัญ เป็นต้น 3. คณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบการแก้ไขเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนและการเปิดเผยข้อมูลก่อนการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ภาคเอกชนมีความคล่องตัวและลดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น ในขณะเดียวกันยังคงหลักการให้ผู้ถือหุ้นเป็นผู้อนุมัติการซื้อหุ้นคืน โดยสรุปเกณฑ์ ที่แก้ไขได้ดังนี้ (1) ปรับวิธีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการซื้อหุ้นคืน สำหรับกรณีที่จำนวนหุ้นที่บริษัทจะซื้อคืนมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของทุนชำระแล้ว และบริษัทไม่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัทว่าให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะอนุมัติการซื้อหุ้นคืนได้ ให้บริษัทสามารถขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นด้วยการทำเป็นหนังสือขอมติแทนการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นได้ ทั้งนี้ การผ่อนปรนนี้เป็นมาตรการชั่วคราวมีกำหนด 6 เดือน (2) ปรับลดระยะเวลาที่บริษัทจดทะเบียนจะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการซื้อหุ้นคืนก่อนทำการซื้อหุ้นคืน โดยปรับลดระยะเวลาเป็น 3 วัน จากเดิม 14 วัน อย่างไรก็ดี เกณฑ์เรื่องนี้ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงของกระทรวงพาณิชย์ด้วย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างประสานงานเพื่อแก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าวให้เป็นไปในทางเดียวกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ