กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 ซึ่งมีโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ โดยเป็นการกู้เพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ เพื่อรองรับปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกและภาคการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอตัวลง กระทรวงการคลังจึงได้เตรียมแผนการกู้เงิน โดยได้เจรจากับธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย ขอกู้เงินเพื่อนำมาใช้สนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว โดยมีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
1. หลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการ
กระทรวงการคลังได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโครงการที่จะขอใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนี้
1.1 เป็นโครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมีความจำเป็นต้องลงทุนเป็นเงินตราต่างประเทศ (Foreign Content)
1.2 เป็นโครงการที่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยมีรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งได้ดำเนินการตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แล้ว
1.3 เป็นโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับและขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลแล้ว และได้รับการพิจารณาและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว
1.4 เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการ โดยหน่วยงานที่ขอใช้เงินกู้ดังกล่าวจะต้องมีความพร้อมในการดำเนินงานและแผนงานรองรับอย่างชัดเจน
2. แนวทางการกลั่นกรองและกำกับติดตามโครงการ
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและกำกับติดตามโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีรองปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการและกลั่นกรองโครงการ โดยให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาเสนอโครงการที่มีความเหมาะสมต่อกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะมีหน้าที่ในการกำกับและติดตามการดำเนินโครงการ และการเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และกรอบการดำเนินงานที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี รวมทั้ง รายงานความคืบหน้าโครงการและผลการเบิกจ่ายเงินกู้ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
3. โครงการที่จะขอใช้เงินกู้
กระทรวงการคลังได้พิจารณาโครงการที่อยู่ในแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในสาขาต่างๆ ในเบื้องต้นแล้วพบว่า มีโครงการเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลที่มีความพร้อมในการดำเนินงานและมีความจำเป็นต้องใช้การลงทุนเป็นเงินตราต่างประเทศ ดังนี้
3.1 สาขา Mass Transit เป็นโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจากระบบรถไฟฟ้า BTS 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงหมอชิต — สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง — สมุทรปราการ
3.2 ระบบราง เป็นโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบรางเพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและบริการเพื่อการส่งออก โดยประกอบด้วยโครงการพัฒนาโครงข่ายของระบบรางเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมายังภาคตะวันออก (ท่าเรือแหลมฉบัง) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางการเกษตรเพื่อการส่งออก
3.3 สาขาทรัพยากรน้ำ เป็นโครงการพัฒนาระบบชลประทานขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำสำหรับภาคการเกษตร และการอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ สำหรับภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตอุตสาหกรรมหลักของประเทศ
3.4 สาขาสาธารณสุข เป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่มุ่งสู่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ โดยจะเน้นการสนับสนุนการจัดซื้อครุภัณฑ์ อุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ เพื่อทดแทนครุภัณฑ์เดิม ทั้งนี้เพื่อยกระดับการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล
นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทุนในสาขาการศึกษา ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำแผนการลงทุน โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการ (กระทรวงศึกษาธิการ) และคาดว่าจะมีความชัดเจนของแผนการลงทุนและวงเงินลงทุนภายในเดือนพฤศจิกายน 2551
ทั้งนี้ โครงการข้างต้นจะต้องได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองและกำกับติดตามโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อจัดลำดับความสำคัญและกลั่นกรองตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป
4. กรอบระยะเวลาการดำเนินงาน
กระทรวงการคลังได้กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินงานสำหรับการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนี้
- ต.ค. — พ.ย. 51 : สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการ เกี่ยวกับรายละเอียดโครงการ : แผนการดำเนินการ แผนการเบิกจ่าย
- ธ.ค. 51 : คณะกรรมการกลั่นกรองและกำกับติดตามโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคมพิจารณากลั่นกรองโครงการ
- ม.ค. 52 : คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเริ่มกระบวนการประกวดราคาเพื่อหาผู้รับจ้างได้ทันที
- ต.ค. 51 — มี.ค. 52 : กระทรวงการคลังเจรจากับธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชียเกี่ยวกับเงื่อนไขการกู้เงินและเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติการกู้เงิน โดยคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายเงินกู้ก้อนแรกได้ประมาณ มี.ค. 52
- มี.ค. 52 — 54 : เริ่มดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินกู้ภายใน 24 เดือน
สำนักบริหารการระดมทุนโครงการลงทุนภาครัฐ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5710