“OSOTSPA GOES GLOBAL” ส่ง SHARK และ M-150 ขึ้นแท่นท็อปทรีโลก

ข่าวทั่วไป Wednesday March 15, 2006 11:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--คิธแอนด์คิน
โอสถสภา ยกทัพสินค้าเครื่องดื่มให้กำลังงานแบรนด์ไทยบุกตลาดโลก เปิดตัวโอสถสภาอินเตอร์เนชั่นแนล (OSI) มุ่งชูแบรนด์ M-150 และ SHARK ปักธงไทยทั่วโลก พร้อมเดินแผนการตลาดเชิงรุก ชูจุดแข็งตัวสินค้า กำลังการผลิต และสำนักงานขายที่กระจายทุกมุมโลก ย้ำสร้างแบรนด์ไทยชิงผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของโลก ภายในปี 2553
วันนี้ (15 มี.ค.49 ) บริษัท โอสถสภา จำกัด ได้จัดแถลงข่าว Osotspa Goes Global เพื่อประกาศความพร้อมในการเดินหน้านำแบรนด์เครื่องดื่มให้กำลังงานของบริษัทบุกตลาดโลกอย่างเต็มรูปแบบ
นายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท โอสถสภา จำกัด ได้กล่าวคำต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน พร้อมทั้งเล่าภูมิหลังของโอสถสภา ว่าเป็นบริษัทคนไทยที่อายุยาวนานกว่า 115 ปีแล้ว เริ่มธุรกิจเล็ก ๆ จากร้านขายยา และเจริญเติบโตคู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด ปัจจุบันโอสถสภามีสินค้าหลักอยู่ 3 กลุ่ม คือ ยา เครื่องดื่มให้กำลังงาน และสินค้าอุปโภคบริโภค
ด้วยเหตุผลที่โอสถสภามีประสบการณ์ในตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานมากว่า 40 ปี และเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 65% ประกอบกับตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานในโลกได้เติบโตอย่างมากใน 10 ปีหลังนี้
บริษัท โอสถสภา จึงมีวิสัยทัศน์ “OSOTSPA GOES GLOBAL” เพื่อให้ความสำคัญกับการออกไปทำการตลาดในประเทศต่าง ๆ อย่างจริงจัง โดยเน้นการสร้าง Brand เครื่องดื่มให้กำลังงานของไทยในตลาดโลกอย่างเต็มรูปแบบ และมีความมั่นใจว่าวิสัยทัศน์นี้จะเป็นจริงได้ในอนาคตอันใกล้นี้
จากนั้นก็ได้เรียนเชิญ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นมากล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้พยายามสนับสนุนให้บริษัทของคนไทยมีความพร้อมในการขยายการดำเนินงานไปยังตลาดนานาประเทศทั้งแบบ In-Out, Out-in และ Out-Out เพื่อต่อสู้กับบริษัทข้ามชาติที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศของเราในโลกยุคการค้าไร้พรมแดนนี้
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งต่อการเติบโตอีกขั้นของบริษัท โอสถสภา ในวันนี้ ในฐานะบริษัทเก่าแก่ของคนไทย ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการบุกเบิกพัฒนาธุรกิจไทยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติอย่างแท้จริง ทั้งด้านการผลิตและที่สำคัญการตลาดในลักษณะที่มีการลงทุนสร้าง
แบรนด์ของคนไทย ในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สินค้าแบรนด์ไทยมีศักยภาพสามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลก เพื่อนำรายได้สู่ประเทศอย่างยั่งยืน
ด้านนายสุนทร เก่งวิบูล กรรมการผู้จัดการบริษัท โอสถสภา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งถูกจัดตั้งใหม่ เพื่อเน้นนำวิสัยทัศน์ “OSOTSPA GOES GLOBAL” ให้เป็นจริง เริ่มปูพื้นให้ผู้ร่วมงานและสื่อมวลชนทราบถึงความเป็นมาของเครื่องดื่มให้กำลังงานของโลกว่า ต้นกำเนิดมาจากบริษัทไทโชแห่งประเทศญี่ปุ่นในปี 2506 ซึ่งพัฒนาและวางตลาดเครื่องดื่มลิโพ ซึ่งจัดว่าเป็นยา ส่วนไทยเป็นประเทศที่สองในโลกที่มีการบริโภคเครื่องดื่มให้กำลังงาน โดยเริ่มหลังจากญี่ปุ่นเพียง 2 ปี โดยโอสถสภานำเข้ามาจำหน่ายในลักษณะเครื่องดื่ม ซึ่งก็เหมือนประเทศอื่นในโลกนี้ ยกเว้นในประเทศญี่ปุ่นซึ่งยังจัดว่าเป็นยาจนถึงปัจจุบัน เครื่องดื่มให้กำลังงานชนิดธรรมดา บรรจุขวดสีชา ขนาดบรรจุ 100 ถึง 150 ซี.ซี. เป็นที่แพร่หลายและนิยมดื่มในหมู่ชนชาวเอเชียมาตลาด 40 ปี จนถึงวันนี้ กลุ่มผู้บริโภคหลักของคนเอเชีย คือ ผู้ใช้แรงงาน เพราะเครื่องดื่มให้กำลังงาน สามารถสร้างความสดชื่นหลังการดื่มได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถปฏิบัติงานในชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานได้
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเครื่องดื่มให้กำลังงานโลกเกิดขึ้นในปี 2530 นี้เอง เมื่อชาวออสเตรียได้นำเครื่องดื่มให้กำลังงาน ชนิดธรรมดาจากเอเชีย ไปเพิ่มส่วนผสมคาร์บอเนต และจำหน่ายในบาร์ ไนท์คลับ และสถานที่ที่เที่ยวกลางคืน ในออสเตรีย เยอรมัน โดยเน้นการใช้เป็น Mixer เพื่อผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น วิสกี้ วอดก้า เพื่อเข้าไปทดแทนโซดา หรือเครื่องดื่มคาร์บอเนตชนิดอื่น ๆ โดยมุ่งกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ และคนในวัย 17 — 35 ปี ซึ่งปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ทั่วยุโรป และแผ่ขยายมายังประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2538 และได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวางทั่วสหรัฐเมริกาจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะการเป็น Mixer เท่านั้นแล้ว แต่ได้กลายมาเป็นเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ Soft Drink ของประเทศสหรัฐอเมริกา
ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มให้กำลังงาน ในปี 2548 ทั่วโลกมีปริมาณประมาณ 12,000 ล้านหน่วย (ขวดหรือกระป๋อง) เป็นมูลค่าโดยรวม 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือเท่ากับ 320,000 ล้านบาท โดยในด้านปริมาณการบริโภคนั้น 76% จะเป็นเครื่องดื่มให้กำลังงานชนิดธรรมดา ซึ่งเกือบทั้งหมดบริโภคโดยคนเอเชีย อีก 24% เป็นชนิดคาร์บอเนต ซึ่งส่วนใหญ่บริโภคโดยคนยุโรปและคนอเมริกัน กลุ่มนี้เจริญเติบโตสูงมากใน 10 ปีหลังนี้
ถ้าพิจารณาในด้านมูลค่าแล้ว ชนิดธรรมดาจะเป็นเพียง 60% ในขณะที่ชนิดคาร์บอเนตจะเป็นถึง 40% ทั้งนี้เพราะราคาต่อหน่วยในประเทศทางตะวันตกจะขายสูงกว่าในเอเชียมาก
สิ่งที่คนไทยควรรับทราบและภูมิใจที่สุด คือ เครื่องดื่มให้กำลังงาน Brand จากเมืองไทยจะได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดโลก เพราะมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านรสชาติ และความกลมกล่อม ซึ่งยังไม่มีประเทศใดสามารถเทียบเคียงได้ แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้คิดค้นและพัฒนาสินค้าเครื่องดื่มให้กำลังงานรายแรกของโลก
ด้วยอัตราการเจริญเติบโตในตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานโลกที่สูงโดยเฉลี่ยปีละมากกว่า15% ตลอด 10 ปีหลังนี้ ทำให้โอสถสภาในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่า 65% และจากประสบการณ์ด้านการผลิต การวิจัยและพัฒนาสินค้า และการตลาดทั้งในประเทศไทยเองและในตลาดต่างประเทศกว่า 40 ปี โอสถสภาจึงได้ตัดสินใจที่จะ GOES GLOBAL อย่างจริงจัง นับจากปี 2549 นี้เป็นต้นไป
เพื่อนำวิสัยทัศน์ “จะเป็นผู้นำหลักในด้านการผลิต และการตลาด เครื่องดื่มให้กำลังงานในตลาดโลก” ให้เป็นจริงได้ โอสถสภา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ OSI จึงถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อรับผิดชอบนำเครื่องดื่มให้กำลังงานของบริษัทบุกตลาดทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบ โดยโอสถสภาได้เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านบุคคลากรทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ ที่มีความสามารถ ระบบงานที่ทันสมัยระดับบริษัทข้ามชาติ และทรัพยากรทุกชนิดของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินทุนในการสร้าง Brand สินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังของบริษัท คือ M-150 และ SHARK เป็น GLOBAL BRAND ให้ได้โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น 1 ใน 3 ผู้นำเครื่องดื่มให้กำลังงานโลกภายในปี 2553
โอสถสภา อินเตอร์เนชั่นแนล จะเป็นทัพหน้าของบริษัทคนไทยที่จะเข้าสู่สมรภูมิการตลาดระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โอสถสภาไม่ได้แต่มุ่งหวังจะปักธงสินค้าของโอสถสภาในตลาดโลกเท่านั้น แต่ความหวังอันสูงสุดของโอสถสภา คือ การนำธงไทยไปปักในทุกประเทศ ที่โอสถสภาเข้าไปทำการตลาดแบบลงทุนสร้าง Brand ซึ่งโอสถสภา เชื่อมั่นว่านี่คือ หลักประกันในการสร้างตลาดสินค้าของคนไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน เพื่อต่อยอดสินค้าส่งออกของคนไทยที่แข็งแกร่งในระดับหนึ่งอยู่แล้วให้มากขึ้น เพื่อเป็นแบบอย่างให้บริษัทคนไทยอื่น ๆ ที่มีความพร้อมก้าวเข้าสู่สมรภูมิตลาดโลกให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณบังอร แก้วบวร โทร 02 6633226 ต่อ 68 มือถือ 0 1904 7907
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ