กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--
รายการเฟิร์สคลาส บายปิ่นโตเถาเล็ก วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ม.ล.อิ๊ง-ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ มาพร้อมกับพิธีกร เฟรส-อริสรา วงษ์ชาลี จะพาไปเปิดประตูสู่ดินแดนแห่งความหลากหลายตื่นตากับเอกลักษณ์หมู่เกาะเจ้าของฉายา “ดินแดนภูเขาไฟ” สัมผัสอู่อารยธรรมอันยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยสีสันและความเร้าใจ ที่ประเทศอินโดนีเซีย เราเริ่มต้นกันที่สุราบายาเมืองเอกของชวาตะวันออก เป็นเมืองท่าใหญ่สุดและสำคัญที่สุดในหมู่เกาะจนถึงทศวรรษที่ 1900 ปัจจุบันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินโดนีเซีย ถือว่าเป็นเมืองการค้าสำคัญรองจากจาร์การ์ตา และจากตัวเมืองสุราบายาเดินทางต่ออีกราว4 ชั่วโมงสู่หมู่บ้านเซอโมโรลาวัง(Cemorolawang)ในเขตสุกาปุระ(Sukapura) เมืองโพรโบลิงโก(Probolinggo) เพื่อมุ่งสู่โบรโมที่เป็น highlight ของการเดินทางครั้งนี้
ระหว่างทางจากตัวเมืองสุราบายาเพื่อไปสู่โบรโมแวะ“กามันซาฟารี”เพื่อชมสวนสัตว์เปิดที่มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอยู่ตามธรรมชาติ รวมทั้งมีโคโมโด สัตว์หายากประจำชาติและพลาดไม่ได้ ที่จะสัมผัสกับ “โบรโม” ยอดภูเขาไฟโบราณ ปากปล่องกว้าง 10 กิโลเมตร ขนาดความสูง 400 เมตร อยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโม-เติงเกอร์-เซอมารู ปัจจุบันยังเป็นภูเขาไฟที่ active อยู่ เคยระเบิดครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 2004 มีพื้นที่รอบข้างเป็นทะเลทรายสีดำอันเกิดจากลาวาและเถ้าภูเขาไฟปกคลุม การมาเที่ยวโบรโมคือการดื่มด่ำกับทัศนียภาพปากปล่องภูเขาไฟที่คุกรุ่นของโบรโมยามรุ่งอรุณ และมองเห็นยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปคือ กูนุง เซอมารู (สุเมรุ) ยอดเขาสูงสุดของอินโดนีเซีย ที่มีระดับความสูง 3,676 เมตร เป็นฉากหลัง ทีมงานพักที่โรงแรมลาวา วิว ลอดจ์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้ยอดโบรโมมากที่สุด เพื่อที่จะออกเดินทางตั้งแต่ประมาณตี 4 ไปโดยรถจี๊ป บุกตะลุยฝ่าความมืดขึ้นเขาลงเขา และข้ามเขาไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา“พีนันจากัน” บนระดับความสูงราว 2,770 เมตร เมื่อถึงจุดชมทัศนียภาพปากปล่องจากระยะไกลเป็นจุดแรก สิ่งที่เห็นคือภาพภูเขาไฟสามลูกเรียงกันอยู่ตรงหน้า
ลูกแรกเห็นอยู่หน้าสุดคือ ภูเขาไฟบาตอก (Batok) เป็นภูเขาไฟดับแล้ว มีความสูง 2,440 เมตรจากระดับน้ำทะเลจุดชมวิวมองลงไปจะเห็นลูกแรกก่อนเพื่อนเป็นทรงชามคว่ำ ลูกที่สอง ภูเขาไฟโบรโม่ (Bromo) จากจุดชมวิวจะเห็นอยู่ถัดมาจากภูเขาไฟบาตอกทางซ้ายมือ โบรโม่มีความสูง 2,382 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยังเป็นภูเขาไฟมีชีวิตหรือภูเขาไฟเป็นๆคือยังไม่ดับ มีควันขาวพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา ลูกที่สาม ภูเขาไฟเซอมารู (Sumeru) มีความสูงถึง 3,676 เมตร นับว่าสูงที่สุดในเกาะชวา จากจุดชมวิวจะเห็นไกลสุด เป็นภูเขามีชีวิตและมีมีควันพวยพุ่งสีเทาแล้วเว้นหายสลับกันไปเป็นระยะๆ จากนั้นนั่งรถกลับลงมาจากยอดเขาพีนันจากันเพื่อมายังจุดสำหรับขี่ม้าไปยังปากปล่อง แล้วไต่บันไดขึ้นไปอีก 250 ขั้น เพื่อขี้นไปอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟโบรโม มีควันไฟกลิ่นกำมะถันสีขาวพวยพุ่งคละคลุ้งตลอด อุณหภูมิบนยอดเขาก่อนฟ้าสางบางครั้งต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง พักเหนื่อยกันสักนิดแวะชมและชิมอาหารพิเศษประจำชาติอินโดนีเซีย เป็นการย้อมสีข้าวด้วยเครื่องเทศหรือพืชพรรณชนิดต่างๆ รับประทานกับกับข้าวหลายอย่าง ส่วนตรงกลางจะทำเป็นรูปโคนสีเหลืองและมีขนาดใหญ่ หากเป็นในงานเทศกาลหรืองานบุญเจ้าภาพจะตัดยอดกรวยให้บุคคลสำคัญหรือประธานในงานก่อน ปิดท้ายด้วยการมุ่งสู่ อีเจน เครเตอร์อยู่ในอุทยานแห่งชาติอีเจน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะชวา อีเจน เครเตอร์คือปล่องภูเขาไฟที่มีความพิเศษคือเป็นทะเลสาบสีเทอร์คอยส์ที่อุดมด้วยกรดกำมะถัน ปากปล่องมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 กิโลเมตร และมีความลึกโดยประมาณ 200 เมตร ความน่าสนใจและจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก คือการได้สัมผัสชีวิตและอาชีพของคนงานเหมืองแร่ที่มีแห่งเดียวในโลก ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับกลิ่นและผงของกำมะถัน และต้องแบกตะกร้าไม้ไผ่ที่จุกำมะถันเที่ยวละประมาณ 60-80 กิโลกรัม ไต่ลงมาตามทางที่ลาดชันและลมแรง เพื่อมาส่งที่ตีนเขา ลำพังการขึ้นยอดเขาปกติของคนทั่วไปต้องใช้เวลาเดินประมาณ90นาที คนงานขนของด้วยเท้าเปล่า ระยะทางที่เดินแต่ละเที่ยวประมาณ 17 กิโลเมตร ค่าแรงได้ตามน้ำหนักของกำมะถันที่ขนลงมาได้ มีคำแนะนำว่าหากเดินขึ้นเขาอีเจนแล้วหลงทาง ให้มองดูผงกำมะถันสีเหลืองตามทางแล้วเดินตามไปจะไม่หลง