กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--สกว.
นักวิจัยสกว. เผยสารสกัดจากเปลือกมังคุด สามารถรักษา และลดรอยแผลเป็นจากสิวอักเสบได้ ระบุขณะนี้กำลังพัฒนาสารสกัดจากเปลือกมังคุดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสิว เบื้องต้นพบลดการอักเสบจากสิวได้ดี พร้อมเตือนวัยรุ่นไทยหากกินยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสิวโดยไม่จำเป็น อาจส่งผลให้เชื้อดื้อต่อยารักษาโรคติดเชื้อร้ายแรงอื่นๆในอนาคต
ผศ.ดร. มัลลิกา ชมนาวัง ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของกระแสวัยรุ่นในสังคมไทยในปัจจุบัน ไม่เพียงให้ความสำคัญในเรื่องของรูปร่างเท่านั้น ปัญหาเรื่องสิว ความงามบนใบหน้าก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้วัยรุ่นไทยต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทุกวันนี้จะสังเกตได้ว่าเมื่อวัยรุ่นเริ่มมีสิว ก็จะรีบเข้ารับการรักษาในคลินิกหรือซื้อยาปฏิชีวนะกินทันที ซึ่งไม่เพียงก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองเท่านั้น หากแต่ว่า “สิว” เป็นโรคผิวหนังที่มีสาเหตุการเกิดหลายประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การผิดปกติของต่อมไขมัน การอุดตันของรูขุมขน รวมถึงจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น Propionibacterium acnes และ Staphylococcus species ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นที่พบได้บริเวณผิวหนังอยู่แล้ว จึงทำให้มีการอักเสบแบบเรื้อรังหรือมีโอกาสเป็นๆหายได้บ่อยครั้ง
ดังนั้นการที่วัยรุ่นรับประทานยาปฏิชีวนะในช่วงอายุที่เร็วเกินไป และมีการใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่มเดิมๆอย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็น อาจส่งผลให้เชื้อเกิดการดื้อต่อยาและเป็นภาวะเสี่ยงต่อการรักษาโรคร้ายแรงอื่นๆได้ในอนาคต ทั้งนี้เพราะยาที่ใช้รักษาสิวนั้นเป็นตัวยาที่คลอบคลุมถึงการรักษาภาวะการติดเชื้ออื่นๆ เช่น การติดเชื้อในทางเดินหายใจ กระเพาะปัสสาวะ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ผศ.ดร. มัลลิกา ชมนาวัง จึงได้ทำการวิจัย “โครงการสมุนไพรเพื่อใช้รักษาสิว” เพื่อมองหาสมุนไพรไทยที่จะสามารถนำมาพัฒนาเป็นยาเพื่อป้องกันและรักษาสิว ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)
งานวิจัยชิ้นนี้ได้นำสมุนไพรไทยที่หาได้ง่าย จำนวน 19 ชนิด คือ ฟ้าทะลายโจร สะเดา ช่อระอา คำฝอย บัวบก ตะไคร้ สาบเสือ มังคุด พญายอ กระเจี๊ยบ พลูขาว มะเขือเทศ หญ้าปักกิ่ง เทียนกิ่ง ฝรั่ง ชุมเห็ดเทศ ขี้เหล็ก ดาวเรือง มาทำการทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคสิว คือPropionibacterium acnes และ Staphylococcus species ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นเชื้อที่กระตุ้นการเกิดหนอง อันส่งผลให้เกิดการอักเสบของสิว โดยการนำสารสกัดจากสมุนไพรทั้ง 19 ชนิดมาทดสอบดูว่าสารสกัดจากสมุนไพรตัวใดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ดีที่สุด อีกทั้งยังทำการทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวด้วยเชื้อข้างต้นและทดสอบฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระด้วย เนื่องจากเชื้อดังกล่าวสามารถกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำลายเซลล์และการอักเสบขึ้น
ผลจากการวิจัยพบว่าสารสกัดจากเปลือกมังคุดมีคุณสมบัติลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบทั้ง 3 ประการได้ดีที่สุด โดยสารสกัดจากเปลือกมังคุดมีฤทธิ์การต้านเชื้อที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ดีที่ความเข้มข้นประมาณ 39 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และมีฤทธิ์การยับยั้งการหลั่งสารสื่ออักเสบได้สูงกว่า 90 % อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระอันเป็นต้นเหตุการเกิดรอยแผลเป็นของสิวอักเสบสูงถึง 77.8 %
ผศ.ดร. มัลลิกา กล่าวว่า ผลการวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากเปลือกมังคุด มีศักยภาพที่จะสามารถนำมาทำการศึกษาต่อยอด เพื่อพัฒนาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ในการป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้ อย่างไรก็ดีหากงานวิจัยชิ้นนี้ได้ผ่านการศึกษาเพิ่มเติมในระดับคลินิก เพื่อทดสอบความเป็นพิษและผลข้างเคียงแล้วนั้น เชื่อว่าจะสามารถพัฒนายารักษาสิวอักเสบจากสมุนไพรไทยได้ในอนาคต เพื่อลดปัญหาการดื้อต่อยาปฏิชีวนะ เพิ่มมูลค่าเปลือกมังคุดของเหลือทิ้งสู่อุตสาหกรรมความงาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net