กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--คิธ แอนด์ คินฯ
“ศีลชัย” CEO ปิโกคนใหม่ ชูกลยุทธ์ “Quality Value Knowledge” รับมือบริษัท Event Marketing ต่างชาติที่เริ่มรุกตลาดเอเชียแปซิฟิก หลังเจอพิษเศรษฐกิจชะลอตัวในแถบอเมริกาและยุโรป ย้ำปี’ 50 สานต่อนโยบายครอบคลุม 4 กลุ่ม นักลงทุน ลูกค้า พนักงานในองค์กร และสังคม ตอกย้ำจุดแข็ง “Face to Face Marketing” และ “การพัฒนาองค์ความรู้”
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2550 ปิโกยังคงเน้นกลยุทธ์ “Quality Value Knowledge ” หรือ คุณภาพ คุณค่า ความรู้ เพื่อรองรับกับสภาวะการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นของบริษัท Event Marketing ต่างชาติที่เริ่มขยายฐานมาแถบเอเชียแปซิฟิก ด้วยปัจจัยเล็งเห็นศักยภาพของธุรกิจในแถบนี้ และกระแสเศรษฐกิจโลกแถบอเมริกาและยุโรปที่ชะลอตัว ทั้งนี้มั่นใจว่าปิโกสามารถให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยได้นำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากทั่วทุกมุมโลก มาพัฒนาและปรับใช้กับกิจกรรมของลูกค้าได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสมกับสังคมไทย
ปิโกชูจุดเด่นของธุรกิจ 2 ด้าน ได้แก่ Face to Face Marketing และการพัฒนาองค์ความรู้ (Knowledge Development) สำหรับ Face to Face Marketing เป็นการสร้างกิจกรรมในลักษณะที่ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง สามารถวัดผลและรู้ผลสะท้อนกลับได้ทันที ในขณะที่การพัฒนาองค์ความรู้ เป็นการสร้างกิจกรรมในรูปแบบเสริมสร้างความรู้ให้กับสังคม เพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความรู้ อันนำไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างมีรากฐานมั่นคงของไทยต่อไป
นายศีลชัย กล่าวต่อว่า แนวนโยบายในการบริหารปี 2550 จะให้ความสำคัญกับ 4 กลุ่มหลัก คือ นักลงทุน ลูกค้า พนักงานในองค์กร และสังคม โดยกลุ่มนักลงทุน ยึดการบริหารงานให้เกิดผลตอบแทนที่ดีที่สุด สำหรับกลุ่มลูกค้า เน้นการสร้างสรรค์ มอบผลงานและบริการที่ดีที่สุด เพื่อความพึงพอใจสูงสุด กลุ่มพนักงานในองค์กร ได้ปรับปรุงออฟฟิศใหม่ สร้างบรรยากาศให้เป็นสถานที่ที่น่าทำงานมีมุมหาความรู้ มุมพักผ่อน ลานกีฬา และกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เพื่อให้พนักงานเกิดความสุขและสนุกกับงาน และเกิดแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานคุณภาพให้กับลูกค้า สุดท้ายคือ สังคมไทย ที่ปิโกให้ความสำคัญดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบกับทุกภาคส่วนของสังคม โดยร่วมกับลูกค้าจัดกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันปิโกให้บริการครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ คือ การจัดกิจกรรมทางการตลาด การจัดนิทรรศการถาวรและพิพิธภัณฑ์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มสถาบันการเงิน พลังงาน การสื่อสาร อาหารและเครื่องดื่ม และล่าสุดได้สร้างแบรนด์อิมเมจในงานพืชสวนโลกให้กับบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ แห่งที่หนึ่งให้กับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ การสร้างอาคารพลังงานเคียงสะเก็ด บริษัท CTCI (ประเทศไทย) จำกัด การจัดสร้างปรับปรุงอาคารตกแต่งภายใน และจัดทำนิทรรศการเพื่อจัดทำพิพิธภัณฑ์อาคารสำนักงานและห้องประชุม สัมมนาให้กับสถาบันพระปกเกล้า การสร้าง Cafeteria บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
สำหรับรายได้รวมของกลุ่มบริษัทงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 เพิ่มขึ้นจาก 503 ล้านบาท เป็น 769 ล้านบาท หรือร้อยละ 53 สำหรับกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 23.5 ล้านบาท เป็น 53.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 127 เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ธุรกิจกิจกรรมทางการตลาดของไทยยังคงมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบริษัท และคุณภาพงานที่จะสามารถสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า หากเป็นเช่นนี้แล้วแม้จะมีการแข่งขันจากบริษัทต่างประเทศ เชื่อว่าบริษัทต่าง ๆ จะสามารถปรับตัวรับการแข่งขันได้อย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สุวินี พินิจทรัพย์สิน โทร 02 663 3226 ต่อ 66 หรือ 084 088 8612
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net