กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นต์
ดีสนีย์ ไลฟ์ วินนี่ เดอะ พูห์ (Disney Live! Winnie the Pooh) สร้างขึ้นโดย เฟลด์ เอ็นเตอร์ เทนเม้นท์) (Feld Entertainment) บริษัทผู้นำระดับสากลในด้านการผลิตความบันเทิงรูปแบบการแสดงสดให้กับผู้ชมทั่วโลก เช่นการแสดง ดิสนีย์ ออน ไอซ์ (Disney On Ice)
สำหรับ ดีสนีย์ ไลฟ์ วินนี่ เดอะ พูห์ นั้นเป็นการแสดงสดครั้งสำคัญของดิสนีย์ ที่ได้นำตัวละครจาก ป่า 100 เอเคอร์ (The Hundred Acre Wood) ออกแสดงไปทั่วโลก โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่าง หมีน้อยวินนี่ เดอะ พูห์ (Winnie the Pooh) และบรรดาผองเพื่อนของเขาเสือทิคเกอร์ (Tigger), หมูพิคเล็ท (Piglet), ลาอียอร์ (Eeyore), กระต่ายแร็บบิท (Rabbit), แคงก้า (Kanga), รู (Roo) และ อาล์ว (Owl) กับการเดินทางอันแสนสนุกและสุดประหลาดใจ เมื่อพวกเขาวางแผนจะจัดงานเลี้ยงอย่างลับๆ ให้กับ วินนี่ เดอะ พูห์
โดยการแสดงบนเวทีจะมี เทรซี่ (Tracie) เป็นผู้เล่าเรื่องซึ่งจะนำพาผู้ชมไปสัมผัสกับ ดีสนีย์ ไลฟ์ วินนี่ เดอะ พูห์ พร้อมความร่วมมือจากสาม Hunny Helpers ที่กระตือรืนร้นและน่าเพลิดเพลินซึ่งพวกเขาจะมอบความสนุกสนานและอารมณ์ขันอย่างต่อเนื่องด้วยการช่วยเปลี่ยนแก และปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำสั่งของ เทรซี่ ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งตลอดการแสดงสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะได้สนุกไปกับบรรดาผองเพื่อน และการฉลองงานวันเกิดของเจ้าหมีพูห์ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาโถน้ำผึ้ง, การร่วมขับร้องเพลงไปกับฝูงผึ้งน้อยน่ารัก หรือประสานเสียงไปกับกระต่ายแร็บบิทจอมแผนการและการเตรียมงานเลี้ยง ผู้ชมทุกท่านจะได้มีส่วนร่วมกับการแสดงที่จะกลายเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำไปนานแสนนาน
ทีมงานผู้สร้างสรรค์การแสดง
เคนเนธ เฟลด์ (Kenneth Feld) ผู้เป็นทั้ง CEO, ประธาน และ โปรดิวเซอร์ ของ เฟลด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า "ดีสนีย์ ไลฟ์ วินนี่ เดอะ พูห์ จะมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่ยากจะลืมเลือให้กับผู้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งจะมีโอกาสได้เห็น วินนี่ เดอะ พูห์ ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเมื่อผู้ชมเดินเข้ามาเห็นฉากข้างหน้าพวกเขา ก็จะรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในป่า 100 เอเคอร์ และสำหรับเด็กๆ แล้ว การแสดงครั้งนี้ก็จะเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกของพวกเขาซึ่งเราจะจัดแกให้เหมือนกับพวกเขาคาดหวังว่าจะได้เห็น"
เจอร์รี่ บิลิก (Jerry Bilik) ผู้กำกับฝ่ายสร้างสรรค์งานศิลป์ กล่าวว่า "การสร้าง ดีสนีย์ ไลฟ์ วินนี่ เดอะ พูห์ เคยเป็นการเดินทางที่น่าอัศจรรย์ใจสำหรับพวกเราทุกคนเมื่อย้อนกลับไปในวันที่เรายังไร้เดียงสา มีแต่ความนุกซึ่งก็เหมือนกับชีวิตในป่า 100 เอเคอร์" และเขายังกล่าวอีกว่า "จุดประสงค์ของพวกเราคือ การเปิดประตูให้ทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโลกที่สุดแสนวิเศษและมีความสุขกับการได้เห็นตัวละครที่อยู่ตรงที่นั้น"
บีที แม็คนิคกอล (BT McNicholl) ผู้กำกับ เปี่ยมด้วยประสบการณ์ควบคุมดูและการแสดงยอดนิยมของบรอดเวย์อย่างเรื่อง "คาบาเรต์" (Cabaret) และในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง รวมทั้งเรื่อง "อะ ฟันนี่ ง แฮพเพินด์ ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอรัม" (A Funny Thing Happened on the Way to the Forum) "แพชชั่น" (Passion) และ "เดอะ เชอร์รี่ ออร์ชาร์ต" (The Cherry Orchard) พร้อมกับการคว้ารางวัล "บรอดแคสท์ มิวสิค อิงค์" (Broadcast Music, Inc.-Award) สาขานักประพันธ์ยอดเยี่ยม (Winning Writer) และได้ประพันธ์บทเพลงในละครเพลงเรื่อง "เดอะ ไอที เกิร์ล" (The IT Girl) "ตั้งแต่เริ่มต้นพวกเราต้องแน่ใจว่าในแต่ละฉาก แต่ละเพลง แต่ละช่วงเวลา กำลังดึงดูดความสนใจในทางที่ดีที่สุด ช่วงเวลาที่ส่วนของต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเวที ต้องแสดงให้เห็นถึงส่วนลึกและความสวยงามผู้ชมต้องถูกมนต์กับความมีชีวิตชีวาอันน่าหลงใหล ที่สามารถสัมผัสได้โดยตรงกับประสบการณ์ที่ล้ำค่าพร้อมกับมีส่วนร่วมตลอดทั้งเรื่อง
แอนนา หลุยโซส (Anna Louizos) เคยร่วมงานด้านการออกแบบกับละครบรอดเวย์มาแล้วมากมายรควมไปถึงละครเพลงอย่าง "อะเวนิว คิว แอนด์ โกลดาส์ บัลดคนี่" (Avenue Q and Golda's Balcony) เธอได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับ ดีสนีย์ ไลฟ์ วินนี่ เดอะ พูห์ โดยเธอกล่าวว่า "ในโรงละครคุณเชิญชวนผู้ชมให้รู้สึกเชื่อมโยงและคิดเกี่ยวกับฉาก และเรื่องราวในรูปแบบที่กลมกลืนเป็นเรื่องราวเดียวกัน การสร้างโลกที่งดงามน่าอัศจรรย์ของ วินนี่ เดอะ พูห์ มันเป็นทั้งสิ่งที่ท้าทายและสนุกและฉันต้องการให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกับว่าถูกโอบล้อมไปด้วยป่า 100 เอเคอร์"
แพทริก เดียร์สัน (Patrick Dierson) ผู้ออกแบบแสงสี (Lighting Designer) เคยร่วมงานกับศิลปินเพลงป็อบชื่อดังอย่าง ชากิร่า (Shakira) ในการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก และ "ดิสนีย์ ออน ไอซ์ พรีเซนทส์ มิคกี้ แอนด์ มินนี่ส์ แมจิคัล เจอร์นี่" (Disney On Ice presents Mickey & Minnie's Magical Journey) และ "ดิสนีย์ ออน ไอซ์ พรีเซนทส์ บิวตี้ แอนด์ เดอะ บีสต์" (Disney On Ice Presents Beauty and the beast) เขากล่าวว่า "พวกเราใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดเพื่อช่วยในการแสดง อย่างไรก็ตามการติดตั้งแสงไฟก็จะไม่โดดเด่นเหมือนกับการแสดงคอนเสิร์ตร็อค สิ่งที่ฉันต้องการจาก Winnie the Pooh คือการเพิ่มอารมณ์ที่อยู่ในจิตใต้สำนัก" แต่ละฉากปรากฏออกมาพร้อมความสวยงามของความสุขในอดีต ให้ผู้ชมหลงไปกับเพลง เสียงหัวเราะและการผจญภัย สีสันที่สวยงามอุปกรณ์การแสดงที่มีขนาดใหญ่เท่ากับคนจริงๆ เสียงที่ตื่นตาตื่นใจ การปรับเปลี่ยนแสงไฟและบรรยากาศที่ใกล้ชิด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสำคัญของการผลิตการแสดงครั้งนี้
เดวิด ลาวด์ (David Loud) ผู้กำกับเพลง (Music Director) เคยร่วมงานในละครบรอดเวย์ยอดนิยมเรื่อง "แร็กไทม์" (Ragtime) "อะ คลาดส แอ็ค" (A Class Act) "เดอะ ลุค อ็อฟ เลิฟ" (The Look of Love) การนำ "ซี เลิฟส์ มี" (She Loves Me) กลับมาทำใหม่ "คอมพานี่" (Company) และ "เดอะ บอย ฟรอม สิรา คิวส์" (The Boy From Syracuse) สำหรับการแสดงครั้งนี้เขาได้ทำการเรียบเรียง เพลงใหม่ๆ เช่น "Winnie the Pooh," "Rumbly in My Tumbly," "The Whoop- De-Dooper Bounce" รวมทั้งเพลงพิเศษอื่นๆ ด้วยเริ่มตั้งแต่จังหวะการเต้นง่ายๆ และบรรดาเพลงที่น่าจดจำ ไป จนถึงยังการกระโดดโลดเต้นที่ต้องใช้พลังงานมากและผู้ชมร้องเพลงคลอ ทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่รวมกันบนเวทีเพื่อสร้างสรรค์การแสดงครั้งนี้
คริสโตเฟอร์ กาเทลลิ (Christopher Gattelli) นักออกแบบท่าเต้น ผู้ฝากผลงานไว้ในละครบรอดเวย์ เรื่อง "อะดริฟต์ อิน มาเก๊า" (Adrift in Macao) และ "ทิก ทิก บูม!" (tick tick...Boom!) กล่าวว่า "กลุ่มนักแสดงต้องเต้น 2 ระดับที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะให้ทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่ได้รับความบันเทิงและมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะผู้เข้าร่วม พ่อแม่และเด็กๆ จะกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นไปกับพลังของทิคเกอร์ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเข้าสู่ เดอะ วันเดอร์ฟูล ธิง อะเบาท์ ทิคเกอร์ (The Wonderful Thing About Tiggers)"