กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตองค์กรระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” ให้แก่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL) ซึ่งเดิมชื่อ บริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (GECAL) โดยอันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มจากสถานะอันดับเครดิตของบริษัทโดยเฉพาะจากการมีฐานะเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำให้ธนาคารบรรลุนโยบายการเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ปัจจุบันธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้รับอันดับเครดิต “A+” แนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” จากทริสเรทติ้ง อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอยู่บนพื้นฐานของสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตลอดจนการมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ซึ่งมีผลงานเป็นที่ยอมรับ และระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วและรถจักรยานยนต์ รวมถึงภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลงซึ่งอาจกระทบต่อการขยายธุรกิจ ฐานะการเงิน และคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนความคาดหมายว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทจะสอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับกลยุทธ์ธุรกิจของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผู้บริหารจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วและรถจักรยานยนต์ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าด้วยประสบการณ์ของผู้บริหาร ระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี และการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส เคยเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย GE Capital Asia Investment Inc (GECAI) และในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ได้กลายมาเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาตามการปรับโครงสร้างธุรกิจของธนาคารหลังจากที่ GE Capital International Holdings Corporation (GECIH) เข้ามาถือหุ้น 34.71% ในธนาคารแล้ว บริษัทมียอดลูกหนี้คงค้างทั้งหมดคิดเป็น 12% ของยอดสินเชื่อตามงบการเงินรวมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในขณะที่มีรายได้สุทธิสำหรับครึ่งแรกของปี 2551 คิดเป็น 15% ของรายได้สุทธิตามงบการเงินรวมของธนาคาร การสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดว่าจะช่วยยกระดับสถานะทางการตลาดในธุรกิจหลักและเสริมระดับความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท โดยบริษัทใช้รูปแบบการบริหารความเสี่ยงตามแนวปฏิบัติของธนาคารซึ่งได้รับการกำกับภายใต้เกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
บริษัทมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในบรรดาบริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งทั้ง 20 ราย ด้วยยอดคงค้างสินเชื่อรวม 87,448 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 10% ในปี 2550 บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ด้วยยอดคงค้างสินเชื่อ 5,443 ล้านบาทในปี 2550 จากประสบการณ์ในธุรกิจที่ยาวนานถึง 16 ปีทำให้บริษัทพัฒนาคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและรูปแบบธุรกิจที่ทำให้บริษัทสามารถดำรงอยู่ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมากได้ เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทจึงหยุดธุรกิจให้เช่าซื้อสำหรับรถยนต์ใหม่ และสัญญาเช่าซื้อที่เกิดขึ้นใหม่ได้ถูกบันทึกในบัญชีของบริษัทลูกที่ตั้งขึ้นใหม่โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาในเดือนมกราคม 2550 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 บริษัทได้โอนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันภายใต้ชื่อ Car4Cash มูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาทไปให้บริษัทลูกอีกรายของธนาคารที่ตั้งขึ้นใหม่ บริษัทยังได้เพิ่มธุรกิจใหม่ในฐานะเป็นผู้ให้บริการจัดเก็บหนี้ให้แก่ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วและรถจักรยานยนต์เป็นหลัก จึงมีผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อหักดอกเบี้ยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ในปี 2550 ของบริษัทลดลง 8.6% จาก 86,465 ล้านบาทในปลายปี 2549 เป็น 78,966 ล้านบาทในปลายปี 2550 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในปี 2550 จำนวน 6,076 ล้านบาทซึ่งต่ำกว่า 6,180 ล้านบาทในปี 2549 อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฟื้นตัวในปี 2550 โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2.38% และ 25.86% ตามลำดับในปี 2550 จากระดับ 1.26% และ 15.78% ในปี 2549
การมีระบบบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่ดีและระบบจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพทำให้บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีแม้ว่าพอร์ตสินเชื่อของบริษัทจะเป็นประเภทที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูงก็ตาม ณ เดือนธันวาคม 2550 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่หมายถึงสินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วน 1.93% ของสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยของบริษัท ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วและรถจักรยานยนต์ แม้ว่าอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อสินทรัพย์รวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.14% ณ สิ้นปี 2550 จาก 8.80% ในปี 2549 เนื่องจากยอดสินเชื่อลดลง แต่ก็ถือว่าฐานทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่มีพอร์ตสินเชื่อในลักษณะที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนสูงที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจากการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานในอนาคต
บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL)
อันดับเครดิตองค์กร: Aแนวโน้มอันดับเครดิต: Positive