กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--สสส.
ปัจจุบันน้ำตาลได้แฝงมาในอาหารแทบทุกชนิด การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปโดยเฉพาะในเด็กจะก่อให้เกิดผลเสียกับสุขภาพทั้งในระยะสั้นคือโรคฝันผุและโรคอ้วน และโรคเบาหวานในเด็ก ส่วนในระยะยาวก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคอีกหลายอย่างตามมาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
จากการสำรวจข้อมูลสภาวะทันตสุขภาพของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีเด็กนักเรียนเป็นโรคเหงือกอักเสบและโรคฟันผุสูง อีกทั้งยังพบว่าเด็กมีภาวะโภชนาการเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทาง กลุ่มงานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดทำ “โครงการเด็กเชียงใหม่อ่อนหวาน” เพื่อรณรงค์ให้เกิดการลดการบริโภคน้ำตาลในเด็กอย่างจริงจัง โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ทันตแพทย์หญิงจันทนา อึ้งชูศักดิ์ ผู้จัดการแผนงานรณรงค์เพื่อเด็กไทยไม่กินหวาน สสส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันเด็กไทยติดนิสัยกินหวานตั้งแต่ยังเล็กๆ คุณแม่บางรายเลี้ยงด้วยนมกล่องรสหวาน เพราะกลัวลูกจะเบื่อ จากสถิติยังพบกว่าคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่มีบุตรหลานอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ร้อยละ 65 นิยมป้อนอาหารเสริมสำเร็จรูปซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาล
“การสร้างนิสัยไม่กินหวานแก่เด็กๆ ในวัยเรียน จึงเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องได้อย่างสัมฤทธิ์ผล เพราะพฤติกรรมหรือนิสัยในการบริโภคที่ถูกต้องจะถูกปลูกฝังตั้งแต่ในวันเด็กและจะติดตัวต่อเนื่องไปจนโตเป็นผู้ใหญ่” ทันตแพทย์หญิงจันทนากล่าวย้ำ
โรงเรียนบ้านดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมกับโครงการเด็กเชียงใหม่อ่อนหวาน เพราะเห็นว่าสุขภาพของเด็กเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ ซึ่งการเก็บข้อมูลในด้านทันตสุขภาพ พบว่าเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ล้วนประสบปัญหาสุขภาพในช่องปากเหมือนกับเด็กในวัยเดียวกันทั่วๆ ไป
ปัญหาสุขภาพในช่องปากอาจดูเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบถึงประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ทางโรงเรียนจึงได้ริเริ่มดำเนินกิจกรรม “เด็กบ้านดงอ่อนหวาน” โดยเน้นให้เด็กได้ทำกิจกรรมเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากกินหวานและการรับประทานอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ด้วยตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
นายสุเทพ อินตาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดง กล่าวว่าทางโรงเรียนมีแนวทางการสอนด้วยการจัดกระบวนการพัฒนาการเรียนรู้โดยให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เด็กจะมีอิสระในการคิด พูด อ่าน เขียน วิเคราะห์ และค้นคว้าด้วยตนเอง เช่น เมื่อครูจุดประเด็นเกี่ยวกับพิษภัย และโทษจากการกินหวาน เด็กๆ ก็จะรวมกลุ่มช่วยกันคิดหาคำตอบด้วยการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั้ง ทางอินเทอร์เน็ต หรือการไปสอบถามข้อมูลจากผู้รู้เพื่อนำกลับมาวิเคราะห์และกลั่นกรองให้เกิดเป็นความรู้ที่ถูกต้อง
“เมื่อนักเรียนมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการคิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ก็จะเกิดความเข้าใจและตระหนักถึงคุณและโทษจากการกินหวาน หลังจากนั้นโรงเรียนจะสนับสนุนให้เด็กเผยแพร่ข้อมูลของเขาไปสู่กลุ่มเพื่อน และรุ่นน้องผ่านรายการทีวีเพื่อการศึกษา หรือบ้านดงทีวี ซึ่งจะเผยแพร่สัญญาณ ออกอากาศครบทุกห้องเรียน เป็นการส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออกจากการได้เป็นผู้ประกาศอยู่หน้ากล้อง และได้เป็นตากล้องถ่ายทอดรายการสดเหมือนในทีวีจริงๆ และเด็กๆ จะได้สนุกสนานกับการหาประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มานำเสนอออกทีวีอีกในครั้งต่อไป” ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดงระบุ
ด.ญ.แมทตี่ บุญยิ่ง อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนผู้นำฝ่ายอนามัย และรับหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวเด็กบ้านดงอ่อนหวาน บอกเล่าถึงขั้นตอนในการจัดรายการบ้านดงทีวีเพื่อเผยแพร่ความรู้ในเรื่องของการไม่กินหวานว่า “พวกเราจะหาข้อมูลด้วยการออกไปสำรวจรอบๆ โรงเรียน ว่ามีขนมหวานหรืออาหารอะไรบ้างที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยดูจากฉลากอาหารว่ามีส่วนประกอบโดยเฉพาะน้ำตาลในปริมาณเท่าไร อย่างในน้ำอัดลมแบบกระป๋องมีน้ำตาลสูงถึง 8-10 ช้อนชา แต่หมอฟันจาก รพ.บ้านดง เคยบอกไว้ว่า ร่างกายคนเราต้องการน้ำตาลแต่วันละ 6 ช้อนชาเท่านั้น แสดงว่าเมื่อดื่มน้ำอัดลมร่างกายของเราก็จะได้รับน้ำตาลเกินความต้องการ ส่งผลให้เกิดฟันผุ และโรคอ้วนในระยะยาว ซึ่งพวกเราก็จะประกาศข้อมูลเหล่านี้ให้เพื่อนๆ ในโรงเรียนทราบ พร้อมกับนำฉลากอาหารที่เราหาข้อมูลไว้มาโชว์พร้อมอธิบายผ่านรายการทีวี ให้เพื่อนๆเข้าใจและเห็นภาพ”
ด้าน ด.ช.ปริญญา หน่อคำ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที 6 เล่าถึงสาเหตุการตัดสินใจไม่ดื่มน้ำอัดลมและไม่กินหวานว่า “พอเพื่อนๆ มาออกทีวีบอกว่า กินน้ำอัดลมแล้วจะฟันผุ เกิดโรคอ้วน และโรคอื่นๆ ตามมา ก็เลยงดกินน้ำอัดลมเพราะกลัวสุขภาพไม่แข็งแรง ถ้าอ้วนอุ้ยอ้ายก็จะวิ่งไม่ทันเพื่อน และได้กลับไปบอกคุณแม่ว่าการกินหวานมากเกินไปจะเป็นโทษต่อร่างกาย จึงตกลงกันว่าในครอบครัวของเราจะไม่ดื่มน้ำอัดลม”
รายการทีวีเพื่อการศึกษา “บ้านดงทีวี” ถือเป็นเวทีให้นักเรียนได้ฝึกคิด วิเคราะห์และกล้าแสดงออก เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลในกิจกรรมเด็กบ้านดงอ่อนหวานแล้ว ยังกระตุ้นให้เด็กได้เกิดความอยากรู้อยากเห็นเพื่อออกไปสืบเสาะหาประเด็นใหม่อื่นๆ มานำเสนอ เพราะอยากมีความภูมิใจเหมือนกับเพื่อนๆ ที่เคยออกทีวีอีกด้วย
ทันตแพทย์หญิงพิมพ์ทอง รักข์สวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลหางดง กล่าวว่าโรงเรียนบ้านดงมีเด็กนักเรียน 210 8oก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการและทำกิจกรรม “เด็กบ้านดงอ่อนหวาน” เคยมีนักเรียนอ้วนซึ่งมีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานจำนวนถึง 35 คน แต่สำหรับในปีการศึกษานี้มีเด็กอ้วนเหลือเพียง 5 คนเท่านั้น
“เราพบว่าเด็กมีปัญหาฟันผุ กลิ่นปาก คราบสิ่งสกปรกลดลง อันเป็นผลมาจากการที่เด็กเกิดความตระหนักถึงคุณและโทษจากการกินหวาน และเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามธรรมชาติโดยผู้ใหญ่ไม่ต้องบังคับ ซึ่งจะเป็นการสร้างนิสัยการบริโภคอาหารที่ถูกต้องจนติดตัวไปเป็นผู้ใหญ่” ทันตแพทย์หญิงพิมพ์ทองกล่าวสรุป.
ผู้ส่ง : Punnda
เบอร์โทรศัพท์ : 0813580687