การปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทย โดยบริษัท Rating & Investment Information, Inc. (R&I)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 28, 2008 15:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังโดยนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอเรียนว่า R&I ได้แถลงข่าวการปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทย ในวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการจัดระดับเครดิต (Rating Committee) ได้ปรับแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทยทั้งตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Issuer Rating) และตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (Domestic Currency Issuer Rating) จากระดับที่เป็นบวก (Positive Outlook) เป็นระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ซึ่ง R&I ได้ให้เหตุผลของการปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตดังกล่าวข้างต้นโดยสรุป ดังนี้ เนื่องจากการคาดการณ์ของ R&I ว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2551 R&I จึงได้ปรับแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทยทั้งตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Issuer Rating) และตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (Domestic Currency Issuer Rating) จากระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เป็นระดับที่เป็นบวก (Positive Outlook) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศไทยได้ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา อันเนื่องจากปัจจัยระหว่างประเทศ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งกลางปีที่ผ่านมาและภาวะตลาดการเงินที่สับสน รวมทั้งความยุ่งเหยิงทางด้านสังคมที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากความไม่พอใจกับสถานการณ์ทางการเมือง หากความไม่แน่นอนทางการเมืองและสังคมของประเทศไทยยังคงยืดเยื้อต่อไปและแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ จะส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ในอนาคต จากที่กล่าวมาข้างต้น R&I จึงได้ปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทยจากระดับที่เป็นบวก (Positive Outlook) เป็นระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ประกาศว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP) ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 4 แม้ว่าการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนในไตรมาสที่ 3 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากไตรมาสที่แล้ว ในขณะที่การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 0.6 ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่แล้ว แต่ด้านอุปสงค์ภายในประเทศซึ่งชะลอตัวลงร้อยละ 1.2 ในไตรมาสที่ 3 ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ขยายตัวร้อยละ 2.5 และ 1.5 ตามลำดับ โดย R&I คาดว่า ความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจในปี 2552 จะยังคงมีอยู่มากเช่นกัน การเคลื่อนไหวของฝ่ายพันธมิตรที่ต่อต้านรัฐบาลมีความรุนแรงอย่างมากในขณะนี้ เกินกำลังที่พรรคร่วมรัฐบาลนำทีมโดยพรรคพลังประชาชนจะดำเนินการตามนโยบายได้อย่างยั่งยืน และหากความไม่สงบทางด้านสังคมอันเนื่องจากการขาดเสถียรภาพทางการเมืองยังคงทวีความรุนแรงขึ้น จะเห็นได้จากการเข้ายึดครองและก่อความวุ่นวายในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินกิจการต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่ง R&I เชื่อว่า จะส่งผลต่อปัจจัยความเสี่ยงในระยะปานกลางและระยะยาวอย่างแน่นอน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง 0-2265-8050 ต่อ 5510

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ