กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--พรีเมียร์ ออโตโมทีฟ กรุ๊ฟ
INTRODUCTION
“มันเป็นความท้าทายของการประชุมเพื่อกำหนดกรอบให้กับรถจากัวร์รุ่น XF ที่จะต้องมีความสวยงามและมีสมรรถนะในแบบฉบับของรถสปอร์ต รวมถึงต้องมีเส้นสายที่สวยงามในแบบฉบับรถหรู ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของจากัวร์” Bibiana Boerio, Managing Director, Jaguar Cars กล่าว
XF ถือเป็นการออกแบบที่น่าหลงใหล ซึ่งจะสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจเหนือความคาดหวังจากสิ่งที่เห็น มันมีทั้งความผ่อนคลายและความมั่นใจ รวมถึงความสามารถในการควบคุมบังคับที่ดีเยี่ยม
ปรัชญาของจากัวร์คือการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สวยงามและรวดเร็ว ซึ่ง XF ก็ได้สืบสานตามรอยมา XF เป็นรถยนต์สี่ประตูที่ให้ทั้งความรู้สึกตื่นเต้นในรูปแบบของรถคูเป้ แต่พื้นที่ภายในเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 5 คนที่จะสนุกสนานไปกับการออกแบบภายในที่ร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นจากัวร์
สำหรับพื้นที่ภายในของ XF นั้นจะมีความหรูหรา อุปกรณ์ต่างๆ ออกแบบได้อย่างน่าดึงดูด รวมถึงแสงสว่างภายในห้องโดยสารที่อ่อนโยน มันเป็นความท้าทายในเชิงวิศวกรรมในการออกแบบรายละเอียดที่จะต้องสะท้อนความเป็นที่หนึ่งในรถระดับเดียวกัน ขณะเดียวกันจะต้องมีการนำเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย อย่างจอทัชสกรีนซึ่งจะควบคุมระบบต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
XF ทุกรุ่นจะมีระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ซึ่งจากัวร์ถือได้ว่าเป็นผู้นำในการใช้ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบนี้เป็นยี่ห้อแรกในกลุ่มรถซาลูน ทั้งนี้ระบบนี้ได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถสปอร์ตรุ่น XK เป็นอย่างดี ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้านี้เป็นระบบที่มาแทนที่ระบบขับเคลื่อนแบบเดิมๆ จะมีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุม ส่งผลให้การเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับรถจากัวร์รุ่น XK
ระบบ Jaguar Sequential ShiftTM ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ผ่านแป้นหลังพวงมาลัยได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับเคลื่อนให้เลือกมากถึง 21 แบบผ่านระบบ JaguarDrive ControlTM โดยระบบจะคอยตรวจสอบอัตราเร่ง การทำงานของ DSC และลักษณะการเปลี่ยนเกียร์ให้มีความนุ่มนวล ระบบนี้จะควบคุมการขับขี่ทั้งในโหมดที่ต้องการอัตราเร่งเป็นพิเศษและโหมดการขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่นด้วย
แต่ความเร้าใจสูงสุดของระบบควบคุมการขับเคลื่อนของ XF นั่นคือ JaguarDrive SelectorTM เป็นการใช้ระบบโรตารี่ในการประสานการทำงานเพื่อให้เกิดการควบคุมที่แม่นยำ จะช่วยประหยัดเนื้อที่และช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสารให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น
ส่วนนวัตกรรมอื่นที่มีนั้นสามารถสร้างความประหลาดใจได้อย่างยอดเยี่ยม ช่องระบายอากาศของระบบแอร์คอนดิชั่นที่อยู่บริเวณคอนโซลหน้าจะเผยให้เห็นก็ต่อเมื่อกดปุ่มเปิดเท่านั้น ส่วนเทคโนโลยีใหม่อีกอย่างนั่นคือ JaguarSenseTM จะใช้ระบบการสัมผัสเพื่อสั่งการเปิดไฟบริเวณเหนือคอนโซลและการเปิดกล่องเก็บของด้านหน้า
ระบบเครื่องเสียงจะประกอบด้วยลำโพงอย่างน้อย 8 ตัว แต่ในส่วนเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมจะได้รับการออกแบบระบบโดยผู้เชี่ยวชาญ Bowers & Wilkins ซึ่งอยู่ในรุ่นสูงสุดของ XF ส่วนอุปกรณ์เสริมของระบบเครื่องเสียงจะประกอบไปด้วยระบบ Digital Audio Broadcasting (DAB) และระบบนำทางผ่านดาวเทียม Sirius สำหรับตลาดอเมริการเหนือ ขณะเดียวกันยังได้นำระบบสื่อสารไร้สาย Bluetooth? ระบบเชื่อมต่อเครื่องเล่น iPod? และเครื่องเล่น MP3 ซึ่งสามารถควบคุมเครื่องเล่นผ่านจอทัชสกรีนโดยการเชื่อมต่อผ่านพอร์ตที่มีอยู่ในรถทุกคัน
นอกจากนี้ยังมีระบบ JaguarVoiceTM จะเป็นระบบสั่งการเพื่อควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ จอมอนิเตอร์ช่วยมองในมุมอับ ระบบช่วยจอดรถทั้งด้านหน้าและหลัง รวมถึงกล้องมองหลังเพื่อช่วยในการถอยจอด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ระบบเบรกมืออัตโนมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย
Mick Mohan, XF Chief Programme Engineer :
“ภายในของ XF จะแสดงให้เห็นถึงความผสมผสานระหว่างสไตล์และการจับต้องได้ ถือเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ๆในอุตสาหกรรมยานยนต์จากระบบ JaguarDrive SelectorTM ที่ชาญฉลาด ความมีประสิทธิภาพของช่องระบายอากาศ ความเรียบง่ายของการควบคุมผ่านจอทัชสกรีน XF ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความงามและการทำงานของระบบต่างๆ ที่ประสานกันได้อย่างลงตัว”
วิศวกรรมโครงสร้างที่เยี่ยมยอดของ XF ผลิตมาจากวัสดุที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรถ การออกแบบที่ล้ำหน้าทำให้รถมีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา ช่วยให้ XF เป็นรถที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทั้งในเครื่องยนต์แบบ V6 และ V8 รวมไปถึงเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความเงียบที่สุดในรถระดับเดียวกัน ส่วนเครื่องยนต์แบบ V8 supercharged จะแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่สุดยอดเช่นกัน
XF เป็นรถที่สามารถทนต่อการบิดตัวของรถได้ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน ฐานล้อหลังที่กว้างจะช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างดีเยี่ยม ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ถือเป็นพันธะสัญญาที่ XF ได้ทำไว้เพื่อให้กลายเป็นรถสปอร์ตหรูที่สามารถเดินทางไกลได้อย่างมั่นใจ
AT A GLANCE
- XF เป็นรถ 4 ประตูที่ออกแบบได้อย่างมีสไตล์ มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับรถสปอร์ต รวมไปถึงมีเส้นสายและพื้นที่เฉกเช่นรถซาลูนระดับหรู
- ภายนอกของ XF แสดงให้เห็นถึงการออกแบบแนวใหม่ของจากัวร์ในรูปฉบับรถซาลูน การออกแบบภายในก็จะเป็นเช่นเดียวกับภายนอก จะแสดงให้เห็นถึงงานฝีมือและการออกแบบที่น่าตื่นเต้น ซึ่ง XF สามารถบ่งบอกถึงความร่วมสมัยและความหรูหราได้อย่างลงตัว
- เส้นสายที่มีความคล้ายคลึงรถคูเป้ของ XF แต่มีพื้นที่ภายในที่เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 5 คน ซึ่งจะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สำหรับพื้นที่เก็บของมีมากถึง 540 ลิตร (ยังสามารถเพิ่มพื้นที่ได้อีก 420 ลิตรในกรณีพับเบาะหลัง)
- งานฝีมือในแบบฉบับจากัวร์มีการเปลี่ยนแปลงให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น ระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอทัชสกรีน ซึ่งมีความทันสมัยและกราฟฟิคที่สวยงามจะช่วยสร้างความประหลาดใจได้เป็นอย่างดี ปุ่มสตาร์ทรถสีแดงคล้ายกับการเต้นของหัวใจเมื่อสตาร์ทรถ ระบบ JaguarDrive SelectorTM เป็นการสั่งงานผ่านฝ่ามือเพื่อให้ช่องระบายอากาศเปิดออก
- ความสามารถในการทนแรงบิดของตัวถังที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกันจะมอบความมั่นใจและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย และช่วยสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดี
- XF เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ 4 ขนาด ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมกับแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยสำหรับการขับขี่ในแบบเกียร์ธรรมดา (Jaguar Sequential ShiftTM)
- เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.7 ลิตร V6 : อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายใน 7.9 วินาที (0-100 กม./ชม. ใน
8.4 วินาที) ความเร็วสูงสุด 143 ไมล์
- เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร V6 : อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายใน 7.9 วินาที (0-100 กม./ชม. ใน 8.3 วินาที) ความเร็วสูงสุด 148 ไมล์
- เครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.2 ลิตร V8 : อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายใน 6.3 วินาที (0-100 กม./ชม.
ใน 6.6 วินาที) ความเร็วสูงสุด 155 ไมล์ (จำกัดความเร็วโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์)
- เครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.2 ลิตร V8 Supercharged : อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายใน 5.2 วินาที
(0-100 กม./ชม. ใน 5.5 วินาที) ความเร็วสูงสุด 155 ไมล์ (จำกัดความเร็วโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์)
- ระบบที่ช่วยผู้ขับขี่ที่มีอยู่ใน XF ประกอบด้วย ระบบเบรกมืออัตโนมัติ ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมแรงเบรกขณะเลี้ยว ระบบควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และถือเป็นครั้งแรกสำหรับจากัวร์กับระบบควบคุมอาการหน้าดื้อโค้ง (Understeer) ในขณะเร่งเครื่องยนต์ ระบบนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการเกาะถนนสำหรับล้อหน้าเมื่อจำเป็น
- XF ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อื่นๆ คือ จอมอนิเตอร์ช่วยมองในมุมอับ ระบบช่วยจอดรถทั้งด้านหน้าและหลัง รวมถึงกล้องมองหลังเพื่อช่วยในการถอยจอด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ระบบสื่อสารไร้สาย Bluetooth? ระบบเชื่อมต่อเครื่องเล่น iPod? และ MP3 ระบบ JaguarVoiceTM วิทยุแบบดิจิตอลที่มาพร้อมกับเครื่องเล่นซีดี 1 แผ่นหรือ 6 แผ่น เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่สามารถฟังและสนทนาตามที่ต้องการได้
- XF มีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบ ทั้งหมดสามารถสั่งการผ่านจอทัชสกรีน ในรุ่นสูงสุดจะออกแบบระบบโดย Bowers & Wilkins ถือเป็นเครื่องเสียงระดับพรีเมียมที่มีกำลังขับสูงถึง 440 วัตต์ เสียงที่ออกมาจะออกมารอบทิศทางเกิดความชัดเจนของมิติเสียงอย่างไร้ที่ติ
- เป็นครั้งแรกสำหรับรถซาลูนของจากัวร์ XF จะมีระบบปกป้องคนเดินถนนในกรณีชนคนเดินถนน ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บจากการกระแทกบริเวณกระโปรงหน้ารถ โดยระบบจะช่วยเพิ่มช่องว่างระหว่างกระโปรงหน้ารถกับเครื่องยนต์ที่มีความแข็ง
- การตกแต่งภายในแบ่งเป็น 3 แบบขึ้นอยู่กับตลาด ในระดับ Luxury จะมีอยู่ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลแบบ V6 (และในรุ่นเครื่องยนต์ V8 ที่ขายในอเมริกา) ระดับ Premium Luxury จะมีอยู่ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลแบบ V6 รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 สุดท้ายระดับ SV8 จะมีอยู่ในเครื่องยนต์เบนซินรุ่น Supercharged V8
- ตอนนี้ XF สามารถสั่งจองได้แล้ว (ขึ้นอยู่กับตลาด) รถคันแรกจะส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงเดือนมีนาคม 2008 ราคาขายขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละแห่ง
THE XF IN DETAIL
DESIGN — EXTERIOR
ปัจจัยแรกในการสร้าง XF ขึ้นมาคือต้องการความเป็นรถสปอร์ตที่แข็งแกร่ง ซึ่งแสดงให้เห็นจากการออกแบบที่มีความชัดเจน แต่ยังคงกลิ่นอายของศิลปะร่วมสมัยและเร้าอารมณ์ในแบบฉบับของจากัวร์ไว้อย่างเหนียวแน่น การออกแบบภายนอกและภายในของ XF คือต้องการเป็นผู้นำในเรื่องของงานฝีมือคุณภาพสูง คุณภาพของรถและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ขณะเดียวกันก็ยังมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของพื้นที่และหลักพลศาสตร์ควบคู่กันไปด้วย
Ian Callum, Design Director ได้อธิบายไว้ว่า
“XF ถือเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของผม ถือได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายในการทำงานที่จากัวร์ในเรื่องการออกแบบรถยนต์ ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากรถจากัวร์รุ่น XJ6 ที่ผมได้พยายามสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างออกมา และ XF ก็คือรถคันนั้นนั่นเอง”
XF ได้เข้ามาเป็นรถรุ่นหนึ่งในตระกูลรถจากัวร์ขนาดกลางที่มีมาตั้งแต่รุ่น XJ Series 1 ซึ่งแต่ก่อนมีขนาดเล็กกว่า XJ ในรุ่นปัจจุบัน แต่ด้วยความที่ไม่ต้องการเหมือนใคร XF ได้หลุดออกจากขอบเขตการออกแบบรถในสไตล์กล่อง 3 กล่อง มีการสร้างสรรค์รถซาลูนแบบ 4 ประตู 5 ที่นั่งที่มีความแข็งแกร่ง และมีเส้นสายคล้ายกับรถคูเป้ การออกแบบในรูปแบบใหม่ของจากัวร์เริ่มต้นมาจากการเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่น XK โดยนำมาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นรถซาลูนในรุ่น XF ซึ่งก้าวต่อไปก็จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยกตัวเอย่างเส้นสายที่เมื่อมองจากมุมกว้างจะมีความคล้ายคลึงกันระหว่างรถทั้ง 2 คัน
สำหรับพื้นที่ภายในที่เป็นรถขนาด 5 ที่นั่งถือได้ว่ามีความจำเป็นอย่างมาก XF ได้มีการจัดสรรพื้นที่ภายในให้มีความสะดวกสบายมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน ด้วยความยาว 4960 มิลลิเมตร ความกว้าง 1877 มิลลิเมตร และฐานล้อที่ยาวถึง 2909 มิลลิเมตร XF เป็นรถที่ยาวกว่า 44 มิลลิเมตร กว้างกว่า 25 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Audi A6 และมีความได้เปรียบมากกว่าหากเทียบกับ BMW 5 Series, Lexus GS300 และ Mercedes-Benz E-Class
XF มีความเป็นรถสปอร์ต แข็งแกร่งและมีความพลิ้วไหว ซึ่งหากจินตนาการแล้วจะคล้ายคลึงกับ XK กระจังหน้าที่ดูมีพลัง กระจกด้านข้างที่ดูน่าอัศจรรย์ และความแข็งแกร่งของเส้นสายด้านข้าง อย่างไรก็ตามหากมองให้ชัดเจนจะเห็นได้ว่า XF มีเส้นสายด้านข้างไล่ขึ้นไปยังหลังคาแทนที่จะเป็นจากหลังคาลงมาด้านล่าง จุดนี้จะช่วยในเรื่องของพื้นที่ภายใน เส้นสายที่ไล่ขึ้นด้านบนจะทำให้ XF มีความสูงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นของจากัวร์ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ 2 ประการคือ ช่วยในเรื่องของสมรรถนะ และช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องเก็บของ โดยจะมีพื้นที่เพิ่มเป็น 540 ลิตร (500 ลิตรในกรณีมีล้ออะไหล่) ซึ่งอาจจะเท่ากันหรือดีกว่าคู่แข่ง
XF มีบุคลิกที่โดดเด่นตั้งแต่ด้านหน้ารถ กระจังหน้าเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นสายไล่พาดผ่านไปบนกระโปรงหน้าและห้องโดยสาร การออกแบบกระจังหน้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภายนอกซึ่งออกแบบให้ความคล้ายคลึงกับเครื่องเพชร ลวดลายในกระจังหน้าที่คล้ายการถักทอจะเป็นการออกแบบในสไตล์อังกฤษ แต่ยังคงความแข็งแกร่งแบบสปอร์ตในเวลาเดียวกัน
ไฟหน้าจะบ่งบอกถึงการออกแบบที่มีการพัฒนา โคมไฟชิ้นเดียวที่มีสัดส่วนความกว้างโค้งยาวไปถึงด้านข้างรถคล้ายปีก และหากมองเข้าไปภายในไฟหน้าจะเห็นวงแหวนรูปไข่ 2 วงที่ออกแบบได้อย่างกลมกลืน ซึ่งบ่งบอกความเป็นจากัวร์ที่จะต้องมีไฟหน้า 2 ดวงเป็นสัญลักษณ์
กันชนหน้าด้านล่างจะเป็นช่องรับอากาศซึ่งแบ่งเป็นช่องด้วยโครเมียมที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย แฝงด้วยความแข็งแกร่งในเชิงวิศวกรรม
XF ยังคงดำเนินตามแบบฉบับความเป็นจากัวร์ในเรื่องของเส้นสายที่มีความต่อเนื่อง โดยเริ่มจากด้านล่างบริเวณช่องรับอากาศด้านหน้าไล่ขึ้นไปด้านบนจนไปถึงบริเวณกึ่งกลางรถและลากยาวไปยังด้านท้าย
XF ถือเป็นรถซาลูนของจากัวร์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นรถที่พร้อมสรรพทั้งในเรื่องของพละกำลัง ความแข็งแกร่ง การสืบสานในเรื่องของเส้นสายที่ต่อเนื่อง มีสมรรถนะที่สมบูรณ์แม้ในขณะเลี้ยว
XF เป็นรถที่มีฐานล้อหลังกว้างซึ่งจะช่วยในเรื่องการควบคุมและสมรรถนะของรถ และช่วยเสริมให้รถมีเส้นสายที่สวยงาม การออกแบบด้านหลังให้กว้างจะสามารถบอกชื่อ “จากัวร์” ได้ชัดเจนขึ้นผ่านคิ้วกระโปรง นอกจากนี้ไฟท้ายยังคงมีความใสสะอาดคล้ายกับกระจกรวมถึงมีการแบ่งแยกไฟบอกสัญญาณต่างๆ ที่ชัดเจน
ลวดลายของไฟท้ายที่โอบไปด้านข้างมีรูปทรงคล้ายปีกจะเป็นสิ่งที่นำสายตาไปยังล้อหลังที่ดูแข็งแกร่ง ไฟท้ายมีการนำเทคโนโลยีไฟ LED มาใช้ซึ่งทำให้รถมีความหรูหรามากยิ่งขึ้น ล้อแม็กอัลลอยด์แบบพิเศษจะช่วยทำให้รู้สึกได้ถึงพละกำลังที่แข็งแกร่ง ล้อแม็กอัลลอยด์และยางที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวจะให้ความรู้สึกที่เยี่ยมยอดและดูสัมพันธ์กับรถได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ XF มีล้อแม็กอัลลอยด์ให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 — 20 นิ้ว และสำหรับรุ่น SV8 จะให้ล้อแม็กอัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
รายละเอียดภายนอกของ XF ได้รับการออกแบบอย่างงดงามดุจเครื่องเพชร มีการตกแต่งด้วยอลูมิเนียมรอบกระจกด้านข้างเพื่อให้มีเส้นสายที่จะช่วยลดความต่อเนื่องของกระจกสร้างความลงตัวกับให้กับงานฝีมือมากขึ้น ช่องระบายอากาศด้านข้างที่นูนขึ้นมามีคำว่าจากัวร์ปรากฏอยู่ ในขณะที่ช่องระบายอากาศบริเวณด้านท้ายรถซึ่งอยู่ระหว่างท่อไอเสียโครเมียมแบบคู่จะช่วยในเรื่องการไหลเวียนอากาศ ส่งผลให้ XF มีการทรงตัวที่ดีขึ้น
XF ยังคงความเป็นจากัวร์อย่างเหนียวแน่น สิ่งที่บ่งชี้ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มีสัญลักษณ์เสือกระโดดด้านหน้า ไล่ไปจนถึงฝากระโปรงท้ายที่สะท้อนถึงอารมณ์และพละกำลัง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกร่วมระหว่างเจ้าของและรถ
XF มีการนำเสนอรูปแบบการตกแต่งภายในทั้งหมด 3 แบบ คือ Luxury, Premium Luxury และ SV8 สำหรับภายนอกจะไม่มีความแตกต่างกันยกเว้นล้อแม็กอัลลอยด์และสัญลักษณ์ SV8 ทั้งนี้ลูกค้ามีความต้องการซื้อ XF มากกว่าที่จะสนใจการตกแต่งภายใน
Wayne Burgess, XF Senior Manager, Jaguar Design :
“มันถึงเวลาของจากัวร์แล้วที่จะเปิดตัว XF ซึ่งถือว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบ การออกแบบที่น่าหลงใหล ดูมีพละกำลังแต่ยังคงเส้นสายที่สวยงาม ด้านหน้ารถที่น่าดึงดูดยิ่งทำให้ XF ไม่เหมือนกับรถจากัวร์รุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่มันก็ยังคงเป็นจากัวร์เช่นกัน”
AERODYNAMICS
ส่วนประกอบต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมทำให้การออกแบบ XF มีความได้เปรียบในหลายๆ ด้าน ตัวถังที่ได้รับการพัฒนาโดยระบบ Computational Fluid Dynamics (CFD) ก่อนที่จะนำรถไปทดสอบในอุโมงค์ลม ทุกพื้นผิวจะต้องมีน้ำหนักเบาจนกลายเป็นส่วนเดียวกับอากาศที่วิ่งผ่าน (รวมไปถึงกระจกมองข้างเช่นกัน) ด้านท้ายช่วงบนที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจะช่วยในเรื่องอากาศพลศาสตร์ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับหากอยู่ด้านล่าง เมื่อมองโดยรวมแล้ว XF จะมีเส้นสายของแนวหลังคาที่คล้ายคลึงกับรถคูเป้ กระโปรงท้ายที่ยกสูงขึ้นจะช่วยในเรื่องของการไหลเวียนอากาศท้ายให้ดีขึ้น ดังนั้นผลที่ได้คือ XF จะเป็นรถที่มีหลักพลศาสตร์ที่เยี่ยมยอดเท่าที่จากัวร์เคยผลิตมา และใกล้เคียงกับรถจากัวร์รุ่น XJ220 ซึ่งถือเป็นสุดยอดรถซุปเปอร์คาร์
XF เป็นรถที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 มีความสมดุลทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นรถที่หลักอากาศพลศาสตร์ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดเสียงรบกวน ลดอัตราบริโภคเชื้อเพลิง และทำให้รถมีความมั่นคงในการขับขี่ความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี แน่นอนที่สุดในเรื่องของการบังคับควบคุมซึ่งถือได้ว่ามีความสมดุลมากที่สุด
DESIGN — INTERIOR
ความผ่อนคลายเมื่อคุณได้นั่งอยู่ภายใน XF ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พิเศษสุด พื้นที่ภายในมีมากกว่าที่คิดส่งผลให้ XF เป็นรถที่มาในแบบสปอร์ตซาลูน แต่มีสัดส่วนที่สวยงามและแข็งแกร่ง รวมไปถึงความสะดวกสบาย สามารถสร้างความประทับใจทั้งในเรื่องของงานฝีมือ วัสดุ รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ซึ่งหากพิจารณาแล้วอุปกรณ์ที่มีอยู่นั้นถือได้ว่ามีความเหมาะสมมากกว่าที่จะมีมากจนเกินความจำเป็นต่อผู้ขับขี่ ถือเป็นจุดแข็งของ XF ที่เห็นได้ชัด
การออกแบบพื้นที่ภายในให้ความรู้สึกที่กว้างขวาง ตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารสัมพันธ์กับกระจกด้านข้าง รวมถึงยังคงมีพื้นที่เพื่อเก็บสิ่งของต่างๆ อยู่รอบตัว
แนวคิดในการออกแบบเบาะนั่งใหม่ สำหรับเบาะคู่หน้าได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีการลดขนาดของเบาะ (แต่ไม่ได้ลดความสบาย) เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างทำให้สามารถเข้าออกได้อย่างคล่องตัว มีการเพิ่มขนาดของเบาะหลังให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับผู้ใหญ่ที่มีความสูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้วได้อย่างสบาย ถือว่าใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน ในขณะที่เส้นสายของแนวหลังคามีความคล้ายคลึงกับรถคูเป้ พื้นที่บริเวณส่วนหัวของคนนั่งเบาะหลังยังให้ความสะดวกสบายในแบบฉบับรถซาลูนซึ่งดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน
เช่นเดียวกับภายนอกของ XF ในเรื่องแนวทางการออกแบบ การออกแบบมีการผสมผสานของความร่วมสมัย ความสปอร์ต ความหรูหรา มีการเน้นในเรื่องของแสงสว่าง เช่น บริเวณอุปกรณ์ JaguarDrive SelectorTM ที่มีลักษณะเป็นปุ่มหมุน มีการนำวัสดุแบบใหม่ การออกแบบลวดลาย และระบบแสงสว่างภายในมาใช้ด้วยเช่นกัน
Alister Whelan, Jaguar Cars Interior Designer ได้เผยถึงจินตนาการภายในห้องโดยสารของ XF ว่าจะต้องมีความเกลี้ยงเกลา ทันสมัย และหรูหรา
“เราได้ค้นพบแนวทางที่น่าตื่นเต้นในเรื่องความหรูหรา เส้นสายที่มีความหมดจดและเกลี้ยงเกลา วัสดุที่ใช้มีความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความทันสมัย หนังที่ใช้มีความนุ่มนวล ไม้แท้ที่นำมาตกแต่งเพื่อให้ดูมีความร่วมสมัย นอกจากนี้แสงสีฟ้าภายในก็จะช่วยสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นเช่นกัน”
เส้นสายบนแผงคอนโซลด้านบนที่มีความอ่อนช้อย ผสานกับการตกแต่งด้วยอลูมิเนียมที่ต่อเนื่องตั้งแต่ประตูหน้าไปยังประตูหลัง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่กว้างขวางโดยเฉพาะบริเวณเบานั่งคู่หน้า
ไม้แท้ที่ใช้ตกแต่งนั้นเริ่มมาตั้งแต่รถจากัวร์รุ่น MkII ในช่วงปี 1960 มันเน้นให้เห็นถึงความหรูหรา การตกแต่งจะมีให้เลือกทั้งแบบไม้วอลนัท Satin American ไม้เบอร์วอลนัท ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ไม้โอ๊คที่มีลายตรงซึ่งคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันผสานกับการตกแต่งด้วยอลูมิเนียมในบางจุดสามารถนำมาใช้ได้กับ XF ในทุกรุ่นซึ่งจะให้ความรู้สึกร่วมสมัยและทันสมัย ถือเป็นคุณค่าหลักของจากัวร์ในการเลือกสรรวัสดุที่เป็นไม้แท้เท่านั้น
การเลือกใช้วัสดุที่ยอดเยี่ยมของ XF ถือเป็นข้อปฏิบัติที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แนวหลังคาและเสาคู่หน้าของรถจะเป็นจุดที่สะกดสายตาให้เห็นถึงศิลปะร่วมสมัยได้อย่างดีเยี่ยม
อุปกรณ์ภายในของ XF จะต้องมองไม่เห็นนอกจากต้องการจะใช้เท่านั้น ต่างจากผู้ผลิตรถรายอื่นที่จะยัดเยียดเทคโนโลยีเข้ามาให้ในรถมากที่สุด ปุ่มหมุนที่ควบคุมระบบจะมองไม่เห็นหากไม่ต้องการใช้งาน จอทัชสกรีนที่ควบคุมระบบต่างๆ จะพยายามลดปุ่มให้น้อยที่สุดและจะวางไว้บริเวณด้านล่างของระบบนำทางผ่านดาวเทียม การออกแบบจะเน้นลดความซับซ้อน ปุ่มต่างๆ จะต้องให้ความรวดเร็วและง่ายดายในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เช่น การควบคุมเครื่องเสียง และการควบคุมระบบปรับอากาศ
เช่นเดียวกับช่องใส่ของตรงกลางจะมีกล่องเครื่องเล่นซีดี ช่องต่ออุปกรณ์ภายนอก และช่องเชื่อมต่อเครื่องเล่น iPod? หรือเครื่องเล่น MP3 (ขึ้นอยู่กับตลาด) บริเวณกึ่งกลางคอนโซลจะมีช่องวางแก้ว 2 ช่องที่มีฝาปิดเรียบร้อย ซึ่งสามารถใส่แก้วขนาดใหญ่ได้ถึง 44 ออนซ์ และยังสามารถใส่ของเล็กๆ น้อยๆ ได้อีก แต่หากไม่ได้เป็นช่องวางแก้ว ช่องว่างนั้นสามารถใส่ของอื่นๆ ได้ เช่น แว่นตากันแดด เป็นต้น ช่องว่างขนาดใหญ่บริเวณบานประตูแต่ละบานและบริเวณด้านหลังของเบาะคู่หน้า รวมถึงบริเวณที่วางแขนตรงกลางของเบาะนั่งหลังก็สามารถเป็นที่วางแก้วได้ถึง 2 ใบเช่นกัน
แต่คงจะไม่ใช่ทุกวันที่จะมีสิ่งของใส่ภายในที่เก็บของท้ายรถ XF ที่มีความจุถึง 500 ลิตร แต่มันสามารถเพิ่มพื้นที่ได้มากขึ้นหากเลือกล้ออะไหล่แบบประหยัดเนื้อที่หรือระบบซ่อมแซมยางแทน โดยความจุจะเพิ่มเป็น 540 ลิตรซึ่งจะเท่ากับรถที่มีพื้นที่ความจุมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มพื้นที่ได้อีก 420 ลิตรในกรณีพับพนักพิงเบาะหลังลงอีก
อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล คือ JaguarDrive SelectorTM มันมีความเรียบง่าย สามารถสั่งการเปลี่ยนโหมดเกียร์ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่เพียงแค่นั้นมันยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีกมากมายผ่านการสั่งการโดยการเคลื่อนปุ่มไปตามมือ นั่นทำให้ XF มีความแตกต่างอย่างแท้จริง
เมื่อเข้าไปภายใน XF ปุ่มสตาร์ทรถสีแดงที่อยู่ด้านหน้า JaguarDrive SelectorTM ที่คล้ายกับการเต้นของหัวใจ เมื่อกดปุ่มสตาร์ทและเลื่อนฝามือไปควบคุม JaguarDrive SelectorTM ขณะที่ระบบนำทางผ่านดาวเทียมทำการต่อเชื่อมระบบ มีการเลื่อนปุ่มจากตำแหน่ง Parked ไปยังตำแหน่งอื่น พร้อมกันนั้นช่องระบายอากาศก็เปิดขึ้นทั้งในแนวตั้งและแนวนอนเพื่อปรับและส่งผ่านอากาศไปยังบริเวณต่างๆ ภายในรถ
JaguarDrive SelectorTM มีหน้าที่ในการเลือกระบบขับเคลื่อนโดยการหมุนฝ่ามือเพื่อควบคุม ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการขับรถในแบบสปอร์ตก็ทำการกดและหมุนเพื่อเลือกโหมด และหากต้องการกลับมาเป็นโหมดขับเคลื่อนแบบปกติ ปุ่มควบคุมที่มีสปริงเป็นตัวช่วยก็จะยกตัวขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องไปดึงขึ้นทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
แสงไฟสีฟ้าจะสร้างบรรยากาศที่เสมือนอยู่ในบาร์หรือร้านอาหารที่มีลักษณะร่วมสมัย เทคโนโลยีไฟที่ใช้นั้นจะเหมือนกับปุ่มควบคุมที่อยู่ในเครื่องเล่น MP3 และโทรศัพท์เคลื่อนที่ สำหรับ XF นั้นแสงที่อยู่รอบบริเวณสวิทช์ต่างๆ คอนโซล JaguarDrive SelectorTM ปุ่มสตาร์ท-หยุด และเบรกมือไฟฟ้าจะให้ความรู้สึกที่อ่อนโยน แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่ชัดเจนโดยไม่รบกวนผู้ขับขี่
แสงสว่างจะมีอยู่บริเวณด้านบนของคอนโซลเช่นกัน ในขณะที่เปิดประตูบริเวณที่เปิดและด้านล่างของประตูก็จะมีแสงสว่างเช่นเดียวกัน
ความอ่อนโยนของแสงสีฟ้าที่อยู่ในบริเวณจุดต่างๆ ผสานกับการใช้อลูมิเนียมในการตกแต่งจะให้ความรู้สึกสปอร์ต แต่ในความเป็นจริงแล้วสีฟ้าที่ใช้จะไม่สร้างความสับสนกับสีอื่นที่เป็นสัญญาณเตือนภายในรถ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว เหลือง หรือแดง
การตกแต่งที่เน้นความหรูหราจะมีการนำโครเมียมมาเพิ่มความโดดเด่นบริเวณรอบๆ JaguarDrive SelectorTM รวมถึงบริเวณสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทำให้ดูมีความนุ่มนวลและสว่างในเวลาเดียวกัน
สวิทช์ควบคุมออกแบบมาเพื่อควบคุมระบบเครื่องเสียงผ่านทางสวิทช์ที่บริเวณคอนโซลกลางหรือที่พวงมาลัยก็ได้ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้
สวิทช์ควบคุมกระจกไฟฟ้าที่เป็นอลูมิเนียมได้รับการออกแบบให้คล้ายกับเครื่องเพชรมีแสงเรืองสีฟ้ารอบๆ ตัว สวิทช์และปุ่มต่างๆ จะมีลักษณะเรืองแสงจะช่วยสร้างบรรยากาศภายในให้รู้สึกผ่อนคลาย
สามารถกล่าวได้ว่าความหรูหราถือเป็นพื้นฐานของ XF เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้า ซึ่งสามารถปรับได้อย่างน้อย 8 ทิศทาง ในขณะที่รุ่น SV8 เบาะคนขับสามารถปรับได้ถึง 16 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับได้ 12 ทิศทาง นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับที่หนุนหลังได้อีก 4 ทิศทางสำหรับเบาะคนขับ XF เป็นรถที่มีระบบทำความร้อนหรือเย็นที่เบาะคู่หน้าเป็นอุปกรณ์เสริม จะมีพัดลมระบายอากาศเพื่อทำความร้อนหรือเย็นภายในเบาะ ทั้งนี้ XF ยังสามารถแยกระบบควบคุมอากาศระหว่างเบาะนั่งและภายในห้องโดยสารได้อิสระ ภายในห้องโดยสารอาจจะอุ่นแต่เบาะนั่งอาจจะเย็นก็ได้ ทั้งหมดนี้จะรวมอยู่ในระบบระบายอากาศแบบใหม่ที่จากัวร์ภูมิใจนำเสนอ
การพัฒนา XF ยังมีสิ่งเร้นลับอีกมาก การตกแต่งภายในแบ่งเป็น 3 ระดับ โดยมีการผสมผสานกันระหว่างหนังแบบ Bond Grain และหนังแบบ Softgrain ได้อย่างดีเยี่ยม การตกแต่งแบบ Luxury เบาะนั่งจะเป็นหนัง Bond Grain ที่ไม่เจาะรูบริเวณผิวหน้าของหนัง จะกลมกลืนไปกับการเย็บแบบตะเข็บคู่ทั้งในส่วนแผงคอนโซลหน้าและบริเวณบานประตู ส่วนการตกแต่งแบบ Premium Luxury และแบบ SV8 จะเน้นความหรูหราภายในโดยใช้หนังแบบ Softgrain กับเบาะนั่ง แผงคอนโซลและบริเวณบานประตู หนังจะมีการเจาะรูบริเวณผิวของหนังเพื่อให้ทำงานผสานกับระบบพัดลมทำความร้อนหรือเย็นภายในเบาะ
XF ได้นำเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย Bluetooth? มาใช้เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับระบบของรถ โดยสามารถควบคุมผ่านจอทัชสกรีน แฮนด์ฟรีที่พวงมาลัย หรือระบบ JaguarVoiceTM
XF มีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 ระดับซึ่งสามารถควบคุมผ่านจอทัชสกรีนได้เช่นกัน ระดับแรกจะมีลำโพงจำนวน 8 จุดซึ่งจะรวมลำโพงวูฟเฟอร์และลำโพงเสียงแหลมในแต่ละบานประตู ลำโพงวูฟเฟอร์จะให้ระดับเสียงที่ทุ้มและดังกว่าระบบธรรมดาทั่วไป ระบบ Premium Sound 320 วัตต์ จะประกอบด้วยพาวเวอร์แอมป์แบบ DSP ที่จะเชื่อมกับลำโพง 9 จุด โดยลำโพง 8 จุดจะอยู่บริเวณบานประตูแต่ละบาน (ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี) และลำโพงซับวูฟเฟอร์ขนาด 32 ลิตรที่ให้เสียงเบสอย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายกับระบบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง Bowers & Wilkins ขนาด 440 วัตต์พร้อมแอมป์ปริไฟเออร์ ผสานกับระบบ Dolby? Pro-Logic? II 7.1 ทั้งหมด 14 ลำโพง จากัวร์ได้นำเทคโนโลยีของ Bowers & Wilkins มาใช้ในรถเพื่อให้การเล่นเพลงเป็นไปตามที่วิศวกรทางด้านเสียงได้ออกแบบไว้ กรวยของลำโพงตัวใหญ่ผลิตจากเคฟลาร์ (มีสีเหลืองและสามารถมองเห็นผ่านตะแกรงครอบลำโพง) ให้การตอบสนองและลดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันกรวยของลำโพงเสียงสูงที่ผลิตจากอลูมิเนียมก็จะช่วยปรับเสียงที่มีความถี่สูงให้มีความไพเราะมากยิ่งขึ้น
ลูกค้ารถ XF สามารถนำเครื่องเล่นอื่นมาเชื่อมต่อกับรถได้ รวมถึง iPod? และเครื่องเล่นต่างๆ รวมไปถึงหน่วยความจำ USB เช่น Memory Sticks ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่จอทัชสกรีนในรถสามารถควบคุม iPod? โดยโชว์ทั้งรายชื่อเพลงและนักร้องรวมถึงอัลบั้มได้ สำหรับ USB ก็สามารถควบคุมผ่านจอทัชสกรีน รวมไปถึงเครื่องเล่นอื่นๆ ก็สามารถเชื่อมต่อกับรถผ่านช่องต่อที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานภายในรถได้เช่นกัน
ระบบเครื่องเสียงของ XF ได้นำเสนอ Digital audio Broadcasting (DAB) และในอเมริกาเหนือยังมีระบบนำทางผ่านดาวเทียม Sirius ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะเป็นระบบที่ให้บริการฟรี และมีเครือข่ายคลอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เจ้าของรถยังสามารถเลือกรับสัญญาณโทรทัศน์ทั้งแบบอนาล็อก 9 ช่องหรือดิจิตอล 9 ช่องเป็นอุปกรณ์เสริมได้ด้วย และสามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ผ่านจอทัชกรีนได้เช่นกัน
JaguarSenseTM เป็นระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสัมผัสเพื่อใช้เปิดฝากล่องเก็บของ หรือควบคุมไฟเหนือคอนโซล ถือเป็นครั้งแรกสำหรับ XF (และอุตสาหกรรมรถยนต์) ในเรื่องของการค้นหาสวิทช์โดยเฉพาะการใช้งานในที่มืด JaguarVoiceTM เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้เสียงเพื่อควบคุมการทำงานต่างๆ ทั้งระบบเครื่องเสียง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบโทรศัพท์ ระบบควบคุมอุณหภูมิ การแสดงผลและหน่วยความจำต่างๆ
XF ได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพื่อให้การขับขี่มีความปลอดภัยและผ่อนคลายมากขึ้น ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ในส่วนของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติจะยอมให้ผู้ขับขี่สามารเลือกความเร็วสูงสุดเท่าที่จำเป็นได้ ซึ่งจะช่วยให้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อุปกรณ์เสริมพิเศษอีกอย่างคือจอมอนิเตอร์ช่วยมองในมุมอับ จะคลอบคลุมพื้นที่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยใช้เรดาห์ (แทนที่จะเป็นกล้อง) เพื่อตรวจสอบมุมอับต่างๆ XF ยังมีระบบช่วยจอดในด้านหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนด้านหน้าจะเป็นอุปกรณ์เสริม และเป็นครั้งแรกสำหรับจากัวร์ที่นำกล้องมองหลังเพื่อช่วยถอยจอดมาใช้ผ่านระบบวีดีโอดิจิตอลเป็นภาพขึ้นบริเวณจอทัชสกรีน
ENGINEERING
การออกแบบของ XF แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีการออกแบบแนวใหม่ มีการนำวัสดุและวิธีการผลิตแบบใหม่มาใช้ Phil Hodgkinson, Jaguar Programmes Director อธิบาย
“เบื้องหลังงานทางด้านวิศวกรรมของ XF เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการออกแบบใหม่ ขั้นตอนการพัฒนาและเครื่องมือทางด้านคอมพิวเตอร์ใหม่ที่นำมาใช้ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีและวัสดุแบบใหม่ที่นำมาผสมผสานกันทำให้วัสดุมีความแข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบา งานฝีมือร่วมสมัยในแบบฉบับจากัวร์ถือเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน”
Vitual Process (VP) และ Virtual Series (VS) เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ที่จากัวร์ได้นำมาใช้ในการผลิต XF จากรถต้นแบบสู่คันจริง มีการใช้เทคนิคการคำนวณมวลสารเพื่อออกแบบแก้ไขจุดต่างๆ ในการสร้างองค์ประกอบของรถทั้งหมดให้ออกมาเสมือนจริงก่อนที่จะนำมาผลิตชิ้นส่วนจริง ถือได้ว่าเป็นระบบและขั้นตอนการผลิตรถที่ยอดเยี่ยม การเปิดตัวของ XF คันจริงนั้นต้องผ่านขั้นตอน VP และ VS โดยเริ่มตั้งแต่การพัฒนารถ การศึกษาในแง่การผลิตจริง จนถึงการวางแผนการผลิต
อย่างไรก็ตามขั้นตอน VP นั้นนำมาใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพโดยรวมด้วย จะยอมให้มีการออกแบบได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีการกำจัดส่วนเกินออกในช่วงของการผลิตตัวต้นแบบ ซึ่งขั้นตอน VP จะก่อให้เกิดความเที่ยงตรงในการผลิตตัวต้นแบบ เมื่อผลิตออกมาเป็นตัวต้นแบบสำเร็จก็จะมีการประเมินผลทั้งในแบบการนำไปใช้บนถนนจริง การทดสอบการชน การทดสอบในสภาพอากาศที่ร้อนและเย็น การทดสอบความทนทาน ในขณะเดียวกันขั้นตอน VS ก็จะนำมาใช้ในการทำงานตามต้องการเพื่อช่วยสร้างรถในขั้นตอนสุดท้าย รวมถึงปรับปรุงการทำงานในส่วนของงานฝีมือ ประสิทธิภาพ และการเข้ารับการบริการที่นานขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสรรค์ XF โปรแกรม CAD แบบ C3PMG ถือเป็นโปรแกรมแรกภายใต้แนวคิดใหม่ของจากัวร์ที่มีการนำมาใช้ เพื่อช่วยให้เกิดการผสมผสานระหว่างโปรแกรม CAD รุ่นใหม่ และการจัดการข้อมูลแบบใหม่เข้าด้วยกัน เป็นการเปิดทางเพื่อให้เกิดการผลิตวัสดุที่แข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา การออกแบบยังคงเน้นในเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการชนจากด้านข้าง แรงกระแทกที่มีต่อผู้โดยสารจะต้องอยู่ในขอบเขตของความปลอดภัย
XF ได้มีการนำเหล็กที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่มาใช้กับโครงสร้างรถ จะประกอบด้วย High carbon steels, Dual-phase, Hot-formed boron steels และ Bake-hardened steels โดยนำมาสร้างเป็นโครงสร้างรถ การนำวัสดุดังกล่าวมาผสมผสานกันก่อให้เกิดความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักที่เบา ทนต่อการเกิดสนิมโดยมีการนำแร่สังกะสีและระบบการพ่นสีแบบใหม่มาใช้ สำหรับเสา A และ B ของ XF นั้นมีขนาดเล็กซึ่งจะช่วยในเรื่องของมุมมองที่ชัดเจน แต่ภายใต้ขนาดที่เล็กและเบานั้นยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งจากการใช้เหล็กแบบ Dual-phase DP6000
ระบบป้องกันการชนคนเดินถนนรุ่นที่ 2 เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกกับรถจากัวร์รุ่น XK โดยได้นำมาใส่ไว้ใน XF ด้วย (ขึ้นอยู่กับตลาด) ระบบนี้จะช่วยลดการบาดเจ็บของคนเดินถนนในกรณีที่กระแทกกับฝากระโปรงหน้ารถ ข้อดีของระบบคือจะช่วยเพิ่มช่องว่างระหว่างฝากระโปรงหน้ากับส่วนที่แข็งที่สุดของเครื่องยนต์ ระบบการปกป้องนี้ได้นำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่มีการตอบสนองที่เร็วขึ้น รวมถึงบานพับฝากระโปรงหน้าที่มีการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
XF ทุกรุ่นมาพร้อมกับถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าแบบ 2 จังหวะ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านนิรภัย มีเซ็นเซอร์ตรวจจับที่เบาะนั่งว่ามีผู้โดยสารหรือไม่เพื่อช่วยให้ถุงลมนิรภัยทำงานได้อย่างถูกต้องและจำเป็นเท่านั้น สำหรับเบาะนั่งคู่หน้าจะมีระบบป้องกันการสะบัดของคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง รวมถึงนำเทคโนโลยี “Soft-landing” มาใช้เพื่อลดแรงกระชากของเข็มขัดนิรภัยให้มีความนุ่มนวล และจะทำงานประสานกับถุงลมนิรภัยด้านหน้าด้วย
จุดเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีกหลายจุดได้ถูกนำมาประมวลและพัฒนาในขั้นตอน VP มีการปรับปรุงงานฝีมือภายในให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ แผงคอนโซลต่างๆ จะมีช่องว่างของรอยต่อเล็กที่สุด มีความทนทานมากขึ้น และหากเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ยังสามารถซ่อมแซมได้ง่ายและราคาไม่แพงนักซึ่งจะเป็นผลดีต่อเจ้าของรถ
SUSPENSION
XF ถือได้ว่าเป็นผู้นำในเรื่องระบบช่วงล่างที่สามารถทนการบิดตัวและแรงกระทำต่างๆ ที่มีต่อโครงสร้างได้อย่างยอดเยี่ยมคล้ายกับรถสปอร์ตในรุ่น XK ช่วยให้รถมีการขับขี่และการควบคุมที่สมดุล การบังคับจะทำได้โดยง่ายคล้ายกับ XF เป็นรถสปอร์ต ความยาวของปีกนกในช่วงล่างด้านหน้าซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่ไม่เท่ากัน ช่วงล่างด้านหลังแบบยึดหลายจุด รวมถึงโครงสร้างที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้การขับขี่ในทางตรงมีความมั่นคงสูง ช่วยลดอาการหน้ายุบเมื่อต้องเบรกอย่างรุนแรง สามารถลดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนจากถนนได้เป็นอย่างดี
ระบบช่วงล่างแปรผันที่ได้รับการปรับตั้งมาอย่างดีจะอยู่ใน XF รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ดีเซล V6 และ V8 ส่วนรุ่น SV8 สำหรับทุกตลาดนั้นจะมีระบบ Computer Adaptive Technology Suspension (CATSTM) รุ่นล่าสุดมาใช้เช่นเดียวกับรถสปอร์ตทัวริ่งรุ่น XK มีการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาควบคุมช่วงล่างให้ปรับได้ 2 ระดับโดยอัตโนมัติภายในเสี้ยววินาทีเพื่อให้มีการตอบสนองที่ดี ซึ่งจะช่วยสร้างความผ่อนคลายและการควบคุมที่ดีไปพร้อมกัน
BRAKES
XF ใช้จานดิสก์เบรกหน้าแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 326 x 20 มิลลิเมตรในรุ่นปกติ และใช้ดิสก์เบรกหน้าขนาด 355 x 32 มิลลิเมตรสำหรับรุ่น SV8 ที่มีพละกำลังมากกว่าเพื่อช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการเบรกสูงสุด สำหรับดิสก์เบรกหลังจะมีขนาด 326 x 20 มิลลิเมตรเท่ากันในทุกรุ่น
แป้นเบรกที่ออกแบบให้ทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วจะช่วยสร้างความรู้สึกในการเบรกได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ยังให้การตอบสนองที่นุ่มนวล
XF ใช้ระบบเบรกมือไฟฟ้าโดยมีปุ่มโครเมียมขนาดเล็กอยู่บริเวณกึ่งกลางคอนโซล ระบบนี้จะใช้เทคโนโลยีสายสัญญาณไฟฟ้าควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ JaguarDrive SelectorTM ระบบจะปลดเบรกมือให้อัตโนมัติเมื่อต้องการขับขี่ไปข้างหน้า ทั้งนี้ระบบนี้ยังสามารถเลือกให้ทำงานหรือไม่ทำงานแบบปกติได้ตามต้องการด้วย
STEERING
พวงมาลัยพาวเวอร์แบบอัตราทดแปรผันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นของ XF ระบบจะช่วยผ่อนแรงในขณะขับขี่ความเร็วต่ำ แต่จะมีความแม่นยำและการตอบสนองที่ดีขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงซึ่งพวงมาลัยจะให้ความรู้สึกที่เป็นกลาง โดยในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลพวงมาลัยก็จะช่วยลดแรงเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วเช่นกัน
XF มีการปรับปรุงระบบการปรับพวงมาลัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ทำงานประสานกันเมื่ออยู่ในโหมด Entry และระบบ Jaguar Smart Key SystemTM ปุ่มปรับจะมีขนาดพอดีไม่ยาวเกินไปและสามารถปรับระดับได้อย่างน่าพอใจ
พวงมาลัยของ XF จะมีระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบ JaguarVoiceTM (ขึ้นอยู่กับตลาด) และระบบควบคุมเครื่องเสียง สามารถปรับระดับเสียงและช่องสถานีวิทยุ ปุ่ม “Source” จะสามารถเลือก AM/FM/CD และสามารถควบคุมอุปกรณ์ภายนอกที่นำมาเชื่อมต่อได้เช่นกัน ปุ่ม “Select” จะทำหน้าที่หลากหลาย เช่น เลือกเพลงในแผ่นซีดี เลือกช่องสถานีวิทยุที่ตั้งไว้ หรือควบคุม iPod? หรือเครื่องเล่น MP3 เมื่อมีการเชื่อมต่อ
WHEELS AND TYRES
ขึ้นอยู่กับตลาดและรุ่นรถ XF จะมีล้อขนาด 17 — 20 นิ้วให้เลือก รุ่น SV8 จะเป็นรุ่นเดียวที่ให้ล้อขนาด 20 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ล้อทุกรุ่นจะผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ ออกแบบให้มีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา รถทุกรุ่นจะให้ล้ออะไหล่แบบประหยัดพื้นที่ขนาด 18 นิ้ว ในเรื่องความปลอดภัยจะให้น็อตแบบกันขโมยจำนวน 20 ตัวในการยึดล้อ
สำหรับตลาดยุโรปรถที่ติดตั้งล้อขนาด 17 และ 18 นิ้วนั้นสามารถเลือกระบบซ่อมแซมยางแทนยางอะไหล่แบบประหยัดพื้นที่เพื่อเพิ่มพื้นที่และลดน้ำหนักไปพร้อมกัน ระบบซ่อมแซมยางนั้นจะมาแทนที่ยางอะไหล่ แม่แรงและเครื่องมือต่างๆ สามารถช่วยซ่อมแซมยางที่รั่วได้ชั่วคราว โดยขนาดรูรั่วต้องไม่เกิน 6 มิลลิเมตรเพื่อที่จะสามารถขับรถต่อไปได้และค่อยซ่อมแซมอย่างถาวรอีกครั้ง ทั้งนี้หากเลือกระบบซ่อมแซมยางจะทำให้มีพื้นที่ใต้ห้องเก็บของท้ายรถเพิ่มขึ้นอีก 40 ลิตร
DRIVER AIDS
XF มีระบบที่จะช่วยควบคุมรถหลายอย่าง ทั้งระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน (EBA) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction control) ที่จะทำงานคอยประสานงานระหว่างเครื่องยนต์กับเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC) ระบบควบคุมการเบรกขณะเลี้ยว (CBC) ระบบควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ (EDR) และเป็นครั้งแรกสำหรับ XF ที่ได้เพิ่มระบบควบคุมอาการหน้าดื้อโค้ง ซึ่งได้รับการออกแบบให้ลดอาการหน้าดื้อโค้งโดยการควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกเพื่อลดการเร่งของรถและเพิ่มการเกาะถนนของล้อหน้าให้มากขึ้น
ระบบ DSC ที่มีการทำงาน 2 ระดับแบบเดียวกับในรถ XK ถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จะมีสวิทช์เปิดปิดระบบ DSC ให้เลือกได้ ระบบนี้ออกแบบเพื่อป้องกันการสูญเสียการทรงตัวของรถ ทั้งนี้ระบบ Trac DSC จะยอมให้เกิดการลื่นไถลมากขึ้นก่อนระบบจะทำงานเพื่อให้คล้ายกับการขับรถสปอร์ต รวมถึงยอมให้ล้อหมุนฟรีหากจำเป็นในกรณีที่ล้อพันโซ่เพื่อให้ขับได้บนหิมะ ทั้งนี้ระบบจะทำงานเมื่อปรากฏสัญลักษณ์ “DSC on”
ในโหมด Dynamic (รุ่น SV8 เท่านั้น) การกดปุ่ม DSC ค้างไว้เพื่อให้ระบบไม่ทำงาน รถจะสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้ผู้ขับได้อย่างเร้าใจ จะแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างของรถที่ยอดเยี่ยม ทั้งนี้การเลือกระบบนี้จะยืนยันระบบโดยการโชว์ข้อมูลที่หน้าปัด
สำหรับ XF ที่ติดตั้งระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) การทำงานจะผสานกับระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะสั่งการเพิ่มความเร็วหรือสั่งลดความเร็วโดยการสร้างแรงดันไฮโดรลิกเพื่อให้เบรกทำงาน ซึ่งจะให้การตอบสนองที่ดีและยังคงรักษาระยะห่างตามที่ได้ตั้งไว้
JaguarDrive ControlTM จะสร้างความแตกต่างโดยการเชื่อมระบบ DSC เครื่องยนต์และเกียร์ เพื่อสร้างรูปแบบการทำงานของเครื่องยนต์และการเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับรูปแบบการขับขี่มากที่สุด ในรถที่มีเครื่องยนต์แบบธรรมดา ระบบ JaguarDrive ControlTM จะมีให้เลือกโหมดธรรมดากับโหมดการขับขี่บนถนนลื่น ส่วนในรุ่น SV8 จะมีให้เลือกทั้งโหมดธรรมดา การขับขี่บนถนนลื่น และแบบ Dynamic โดยในแบบสุดท้ายจะยอมให้ขับตามความต้องการของผู้ขับมากที่สุด
POWERTRAIN
XF มีเครื่องยนต์ให้เลือก 4 แบบ คือ 2.7 ลิตร V6 เทอร์โบดีเซล 3.0 ลิตร V6 เบนซิน 4.2 ลิตร V8 เบนซิน และ 4.2 ลิตร ซุปเปอร์ชาร์จ V8 เบนซิน (ขึ้นอยู่กับตลาด) ทุกรุ่นจะให้พละกำลังและความแม่นยำตามแบบฉบับจากัวร์ Mick Mohan, XF Chief Programme Engineer กล่าว
“เครื่องยนต์ของ XF จะผสมผสานทั้งในเรื่องสมรรถนะ บุคลิกที่โดดเด่นและสายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยม เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดถือได้ว่าเยี่ยมที่สุดเท่าที่จากัวร์เคยมีมา ระบบ Jaguar Sequential ShiftTM ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้คล้ายเกียร์ธรรมดาเป็นอุปกรณ์ที่มีในทุกรุ่น การผสมผสานนี้จะทำให้มีความคล้ายคลึงกับ XK ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม”
เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลแบบ V6 สามารถเลือกการตกแต่งในแบบ Luxury และ Premium Luxury ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน V8 การตกแต่งจะเป็นแบบ Premium Luxury เท่านั้น (และแบบ Luxury สำหรับตลาดอเมริกา) ในรุ่นซุปเปอร์ชาร์จ SV8 นั้นสามารถตกแต่งตามแบบที่เจ้าของต้องการได้ ซึ่งจะมีให้เลือก 6 แบบไม่ซ้ำกัน
ตามมาตรฐานไอเสียยูโร 4 เครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตร V6 24 วาล์ว ทวินเทอร์โบ จะให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้นำในเรื่องความประณีตเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน เครื่องยนต์รุ่นนี้มีแรงม้าสูงสุดที่ 207 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 435 นิวตันเมตร เสื้อสูบผลิตจาก Compacted Graphite Iron (CGI) ส่วนฝาสูบผลิตจากอลูมิเนียม ส่งผลให้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีน้ำหนักเบา มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม เป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีและประหยัดเชื้อเพลิง
เครื่องยนต์ดีเซล V6 ใช้ระบบรางหัวฉีดแรงดันสูงรุ่นล่าสุด มีระบบการฉีดนำร่องและระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมการฉีดจ่ายน้ำมัน ทำให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างราบรื่นและเงียบ วาล์วจำนวน 4 วาล์วต่อสูบและห้องเผาไหม้ที่ได้รับการพัฒนาจะช่วยให้เกิดการจุดระเบิดที่สมบูรณ์แบบ ช่วยให้เกิดระดับเสียงเครื่องยนต์ที่ต่ำ
การใช้เทอร์โบชาร์จแบบแปรฝันควบคุมโดยอิเล็กทรอนิกส์ มีการนำไอเสียกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงระบบดูดอากาศแบบแปรผัน ทั้งหมดช่วยให้ไอเสียที่ออกมามีระดับต่ำ การใช้เทอร์โบชาร์จขนาดเล็กจำนวน 2 ตัว การควบคุมการฉีดจ่ายน้ำมันด้วยไฟฟ้าทำให้เกิดการตอบสนองที่รวดเร็วและนุ่มนวล
เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร V6 ถือเป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีการนำอลูมิเนียมมาใช้ผลิตแคมชาร์ปทั้ง 4 ตัวและวาล์วทั้ง 4 ตัวต่อสูบ รวมถึงระบบปรับแคมชาร์ปอัตโนมัติและระบบปรับท่อทางเดินอากาศอัตโนมัติ ส่งผลให้มีกำลังสูงสุดที่ 240 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 293 นิวตันเมตร โดยที่แรงบิดกว่า 80% จะมาตั้งแต่ 1,500 รอบไล่เพิ่มขึ้นจนถึงรอบสูงสุดที่ 6,800 รอบ
ระบบปรับแคมชาร์ปอัตโนมัติจะให้การตอบสนองที่รวดเร็วและทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดี ช่วยสร้างแรงบิดสูงในช่วงความเร็วต่ำและให้กำลังสูงในช่วงความเร็วที่สูงเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการนำไอเสียวนกลับมาใช้ใหม่เพื่อช่วยลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนและ NOx ซึ่งเป็นมลภาวะด้วย
เครื่องยนต์ขนาด 4.2 ลิตร V8 มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์ปกติและซุปเปอร์ชาร์จ เครื่องยนต์ผลิตจากอลูมิเนียมทั้งหมดทำให้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง ทนต่อการบิดตัวได้เป็นอย่างดี และช่วยลดเสียงรบกวน ระบบระบายไอเสียของเครื่องยนต์ V8 ได้รับการออกแบบให้มีความเงียบในขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงแต่ยังคงให้ความรู้สึกของความเป็นเครื่องยนต์ V8 ได้อย่างแท้จริงเมื่อต้องการเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว
เครื่องยนต์แบบปกติให้แรงม้าสูงสุดที่ 300 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 411 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จจะใช้เพลาหมุนและสายพานที่มีคุณภาพสูง สามารถสร้างแรงม้าสูงสุดที่ 420 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 560 นิวตันเมตร สิ่งสำคัญของเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จคือเครื่องยนต์สามารถสร้างแรงบิดสูงได้อย่างต่อเนื่องและในรอบเครื่องที่กว้าง โดยแรงบิดอย่างน้อย 86% เริ่มตั้งแต่ที่ 2000 รอบต่อนาทีไล่เพิ่มขึ้นไปจนถึงความเร็วสูงสุด
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดถือเป็นหนึ่งในเกียร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกซึ่งจากัวร์ได้นำมาใช้ในทุกรุ่นของ XF โดยไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือก ระบบขับเคลื่อนนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ XF มีบุคลิกในแบบฉบับรถสปอร์ต เกียร์จะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตอบสนองการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและสามารถแสดงสมรรถนะออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเพิ่มสมาธิให้กับผู้ขับขี่ระบบขับเคลื่อนสามารถควบคุมได้จาก JaguarDrive SelectorTM ผู้ขับสามารถเลือกการขับขี่ในรูปแบบเกียร์ธรรมดาได้ผ่าน Jaguar Sequential ShiftTM ระบบ JaguarDrive SelectorTM จะมีโหมดสปอร์ตให้เลือกด้วย ทั้งนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีการสั่งการด้วยไฟฟ้ามาใช้สั่งการเปลี่ยนเกียร์เช่นเดียวกับรถรุ่น XK
เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่มีใน XF ทำให้รถสามารถแสดงสมรรถนะออกมาได้เต็มที่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตร V6 ทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ใช้เวลาเพียง 7.9 วินาที (0-100 กม./ชม. เพียง 8.4 วินาที) ความเร็วสูงสุด 143 ไมล์/ชม. (229 กม./ชม.) เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 ทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ใช้เวลา 7.9 วินาที (0-100 กม./ชม. เพียง 8.3 วินาที) ความเร็วสูงสุด 148 ไมล์/ชม. (237 กม./ชม.) เครื่องยนต์เบนซิน V8 มีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ใช้เวลาเพียง 6.3 วินาที (0-100 กม./ชม. เพียง 6.6 วินาที) ความเร็วสูงสุดจำกัดโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 155 ไมล์/ชม. (250 กม./ชม.) สำหรับเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จ SV8 ทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ใช้เวลาเพียง 5.2 วินาที (0-100 กม./ชม. เพียง 5.5 วินาที) ความเร็วสูงสุดจำกัดโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 155 ไมล์/ชม. (250 กม./ชม.)
DRIVING DYNAMICS
จากัวร์สามารถสร้างความรื่นรมย์ในการขับขี่ให้กับผู้ขับขี่ได้สูงสุด โดย XF ถือว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีเยี่ยมเสมือนนักกีฬาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง โครงสร้างที่สามารถทนแรงบิดได้เป็นอย่างดี ความกว้างช่วงล้อที่มากขึ้นผสานกับช่วงล่างที่มีความแม่นยำ พวงมาลัยและเบรกที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ XF มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแต่ยังคงไว้ซึ่งความสบายและหรูหราตามแบบฉบับรถซาลูนที่ให้การยึดเกาะที่ดี ตัวรถมีความสมดุล สามารถตอบสนองและมีความหนักแน่นเช่นเดียวกับรถสปอร์ต ผลที่ได้นั้นจะแสดงให้เห็นว่าการขับขี่รถที่แท้จริงเป็นอย่างไร
Mike Cross, Chief Engineer, Vehicle Integrity ได้อธิบายถึงการพัฒนาขั้นตอนในการผลิตรถไว้ว่า
“กุญแจสำคัญ 2 ประการที่ทำให้ XF เป็นรถที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ประการแรกคือลักษณะการขับขี่ที่คล้ายกับรถสปอร์ตคูเป้ ประการที่สองคือจากัวร์เน้นในเรื่องของความสมดุลในการขับขี่ การบังคับควบคุม และความแม่นยำ ทั้งหมดนี้ทำให้ XF ถือว่าเป็นรถที่สามารถสร้างประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างน่าประทับใจ”
XF ทุกรุ่นจะมีระบบ Jaguar Sequential ShiftTM เพื่อใช้ควบคุมระบบขับเคลื่อน โดยสามารถเลือกการเปลี่ยนเกียร์ให้เป็นแบบเกียร์ธรรมดาได้ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยทั้งในโหมดปกติและสปอร์ต
แต่ในความเป็นสปอร์ตนั้นถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ XF เท่านั้น ความแม่นยำในการขับขี่ก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกับความประทับใจ โครงสร้างที่สามารถทนแรงบิดได้ดี พละกำลังที่มีความนุ่มนวล และการจัดการเกี่ยวกับเสียงรบกวนภายนอกที่ยอดเยี่ยม (รวมถึงแผ่นกันเสียงเครื่องยนต์และแผ่นเก็บเสียง 2 ชั้นรอบคัน) ทำให้ XF เป็นรถที่มีเสียงรบกวนน้อยที่สุดในรถระดับเดียวกัน ที่ความเร็ว 30 ไมล์/ชม. (50 กม./ชม.) เสียงรบกวนภายในอยู่ที่ระดับ 65 เดซิเบล ต่ำกว่า BMW 5 Series ทั้งที่ XF ใช้ล้อที่มีขนาดใหญ่กว่า สิ่งพิเศษหากลูกค้าซื้อรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล V6 นั่นคือเสียงรบกวนของเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงที่น้อยมาก สามารถสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี สำหรับ XF ในรุ่นเครื่องยนต์ V8 นั้นได้นำระบบระบายไอเสียของ XK มาปรับใช้เพื่อให้เสียงที่ออกมานั้นคล้ายกับรถสปอร์ตโดยเฉพาะเวลาเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จากัวร์ได้สัญญาไว้
IN SUMMARY
XF เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ได้นำอนาคตมาสร้างสรรค์ขึ้นให้เป็นความจริงในแบบฉบับรถจากัวร์
XF เป็นมากกว่ารถที่สวยงาม แต่มันแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของเงินที่เสียไปของผู้ซื้อเมื่อต้องการของที่หรูหรา ร าคาของ XF สามารถสู้คู่แข่งในระดับเดียวกันได้ แต่อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ที่ให้รวมถึงเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีก็มีให้อย่างมากมายเช่นกัน
ผู้ที่ซื้อ XF นั้นเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล เห็นคุณค่าที่ปรากฏว่า XF เป็นรถที่มีความเหมาะสม สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล V6 ถือได้ว่าเป็นรถที่มีระดับมลภาวะที่น้อยเหมาะกับการนำไปใช้เป็นรถบริษัทหรือผู้ที่ต้องการซื้อรถเป็นล็อตใหญ่ ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนทางภาษีได้ด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ เทคโนโลยีที่มีใช้ได้จริง เป็นรถซาลูนที่มุ่งเน้นที่ตัวผู้ขับขี่ XF คือก้าวต่อไปของจากัวร์ การออกแบบแนวใหม่ สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและพลศาสตร์ที่เกื้อหนุนกัน ส่งผลให้รถคันนี้เปรียบเสมือนรถสปอร์ต เทคโนโลยีที่นำมาใช้มีความก้าวหน้า การควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัย ทำให้ XF เป็นผู้นำในกลุ่มรถสปอร์ตซาลูนเมื่อเทียบกับคู่แข่ง อนาคตได้กลายมาเป็นความจริงแล้ว