กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--กกร.
ด้วยสภาวะความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศที่ยังไม่มีท่าทีจะยุติหรือบรรเทาลงแต่กลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประชาชนมีความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงและแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การโต้แย้งไม่ได้อยู่บนหลักเหตุและผลแต่เป็นการเอาชนะคะคานกันอย่างไม่ลดละ มีการปะทะกำลัง ซึ่งทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องบาดเจ็บล้มตาย ทรัพย์สินและสถานที่ราชการได้รับความเสียหาย รัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจปกครองประเทศ สถาบันด้านนิติบัญญัติ และสถาบันด้านบริหาร ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตลอดจนองค์กรอิสระต่างๆไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งเป็นตัวแทนภาคเอกชนในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการเงิน ได้มีการปรึกษาหารือกันแล้ว มีข้อสรุปดังนี้
1. เพื่อให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยสากล รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองอื่น ที่ได้รับเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะรัฐบาลปัจจุบันหมดความสามารถ แม้จะอ้างความชอบธรรมทางกฎหมาย แต่ก็หมดความชอบธรรมทางการบริหารประเทศไปแล้วโดยสิ้นเชิง หรือพรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงความกล้าหาญถอนตัวเปิดทางให้ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย หากไม่ประสบความสำเร็จ ควรยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
2. เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ ให้พันธมิตรสลายตัวจากการยึดครองสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองทันที พร้อมทั้งหยุดการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย
กกร. จึงเรียนมาเพื่อให้ทุกฝ่ายได้พิจารณาข้อเรียกร้องข้างต้นอย่างรอบคอบ และเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หากการดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ย่อมจะไม่สำเร็จ รวมถึงอาจทำให้ประเทศชาติประสบภัยวิกฤตและอาจทำให้ไม่สามารถรักษาระบบประชาธิปไตยได้