กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ผู้อำนวยการ ทสภ.เผย สูญรายได้แล้วกว่า 350 ล้านบาท แต่ยังเดินหน้าส่งเจ้าหน้าที่ไปให้บริการที่ศูนย์เช็คอินไบเทคบางนารับผู้โดยสารที่ไปใช้บริการวันเดียวร่วม 1,300 คน พร้อมส่งเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระไปช่วยสนามบินอู่ตะเภา นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ต้องปิดให้บริการท่าอากาศยานตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.จนถึง 1 ธ.ค.51 รวม 7 วันทำให้ ทสภ. ต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 350 ล้านบาท ซึ่งการสูญเสียนี้ยังไม่รวมความเสียหายของผู้ประกอบการการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้อีกประมาณกว่า 25,000 ล้านบาทและยังไม่รวมความเสียหายของสายการบินต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามนายเสรีรัตน์กล่าวว่า แม้ ทสภ. ต้องประสบปัญหาการสูญเสียรายได้ดังกล่าว ทาง ทสภ. ก็พยายามช่วยเหลือผู้โดยสารต่างประเทศที่ตกค้างอยู่ในประเทศให้สามารถบินกลับบ้านโดยใช้สนามบิน อู่ตะเภาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดย ทสภ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปให้บริการที่ศูนย์เช็คอินไบเทคบางนาซึ่งได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้โดยสารระหว่างประเทศมาใช้บริการร่วม 1,300 คน คิดเป็น 17 เที่ยวบิน สำหรับวันนี้ได้รับรายงานว่า จะมีเที่ยวบิน 27 เที่ยวบิน ทั้งนี้มีสายการบินที่ไปให้บริการที่ศูนย์ฯ นี้มีหลาย สายการบิน เช่น การบินไทย แอร์เอเชีย นกแอร์ ไชน่าเซาท์เทริน์ ครุ๊คแอร์ อีว่าแอร์ เป็นต้น “แต่ผมอยากย้ำให้ผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะไปเช็คอินที่ศูนย์ไบเทคบางนาทราบว่า ก่อนไปเช็คอินที่ศูนย์ไบเทคบางนา ขอให้ท่านยืนยันการเดินทางของตนเองกับสายการบินที่ใช้บริการก่อน และขอให้ เช็คอินล่วงหน้าประมาณ 7 ชั่วโมง แต่ถ้าสงสัยหรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมขอให้โทรฯ ติดต่อที่ 02-749-3974, 02-749-3982 ศูนย์ให้ข้อมูลการบินไทย ไบเทค บางนา 02-545- 3133” นายเสรีรัตน์กล่าว นอกจากนี้เพื่อให้ผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ไปใช้บริการที่สนามบินอู่ตะเภาได้รับความสะดวกขึ้น ผู้อำนวยการ ทสภ. ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ขนย้ายเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระไปให้บริการที่สนามบินอู่ตะเภาที่มีอุปกรณ์ค่อนข้างจำกัด โดย เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระประกอบด้วย เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระผู้โดยสารที่จะนำขึ้นเครื่อง (Baggage X-Ray) 2 เครื่อง เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระผู้โดยสารที่จะถือขึ้นเครื่องบิน (Carry-on Baggage X-Ray) 2 เครื่อง และเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจวัตถุระเบิดแบบให้ผู้โดยสารเดินผ่าน (Walk-Through) 2 เครื่อง ซึ่งสามารถให้บริการได้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน (1 ธ.ค.) ที่ผ่านมา สำหรับเครื่องบินเปล่าของสายการบินที่จอดอยู่ที่ ทสภ. จนถึงเมื่อวานนี้เวลา 17.11 น. สายการบินได้นำเครื่องบินออกไปแล้วจำนวน 45 ลำ แบ่งเป็นสายการบินบางกอกแอร์เวย์ 15 ลำ พีบีแอร์ 2 ลำ แอร์เอเชีย 15 ลำ แควนตัส 1 ลำ ดรุ๊คแอร์ 1 ลำ โอเรียนท์ไทย 2 ลำ คาร์โก้ลัค 1 ลำ สแกนดิเนเวียน 1 ลำ และ สายการบิน Siam GA 1 1 ลำ คาเธ่ย์แปซิฟิค 2 ลำ การบินไทย 1 ลำ และ สิงคโปร์ 1 ลำ ซาอุดิอาราเบียน 1 ลำ เจเอแอล 1 ลำ โดยในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) สายการบินไม่สามารถนำเครื่องบินบินออกจาก ทสภ. ได้เพิ่มเติมเนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมหอบังคับการบิน อย่างไรก็ตามนายเสรีรัตน์กล่าวว่า ในวันนี้ (2 ธ.ค.)หากไม่มีปัญหาอะไรจะมีสายการบินที่เหลือทยอยนำเครื่องบินบินออกจาก ทสภ. ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.51 ที่ผ่านมา มีเครื่องบินเปล่าของสายการบินต่าง ๆ จอดค้างไว้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จำนวนทั้งสิ้น 88 ลำ โดยเป็นเครื่องบินของสายการบินภายในประเทศ 76 ลำ เครื่องบินของสายการบินต่างประเทศ 12 ลำ
ฝ่ายกิจการพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คุณบุษบา โทร. 081-701-4918 คุณฐิติพร โทร. 085-045-1493 ครั้งที่ 34 (เวลา12.00 น.)