ทริสเรทติ้งติดตามลูกค้ากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวใกล้ชิด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 3, 2008 08:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งระบุ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและวิกฤติการณ์การเงินของโลก รวมทั้งการยึดสนามบินในไทย ซึ่งได้ส่งผลกระทบมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ชี้การบินไทยและคิงเพาเวอร์เป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงสูงสุด ส่วนลูกค้ากลุ่มโรงแรม ก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เล็งติดตามผลประกอบการใกล้ชิด อาจทบทวนอันดับเครดิตเมื่อเห็นเหมาะสม ดร. วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมาก่อนตั้งแต่ช่วงที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหารสายการบินต่างๆ ต้องบริหารต้นทุนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านเชื้อเพลิง ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวก็มีความระมัดระวังมากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงขึ้น เมื่อโลกประสบวิกฤติการทางการเงินและกระทบต่อภาคธุรกิจจริงอย่างรวดเร็ว มีการลดพนักงานจำนวนมาก ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมากก็คือการยึดสนามบินซึ่ง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรโดยมีสุวรรณภูมิเป็นร้านค้าหลัก จึงได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับธุรกิจโรงแรมระดับห้าดาวก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่องเช่นกัน เพราะรายได้ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมยังมีรายได้อื่นๆ นอกจากค่าห้องพักอีกด้วย เช่น ค่าอาหาร การจัดงานเลี้ยงและสัมมนา เป็นต้น ซึ่งรายได้เหล่านี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบลงไปได้บ้าง ดร. วรภัทรกล่าวต่อว่า ทริสเรทติ้งกำลังติดตามสถานการณ์ของลูกค้าทุกรายในกลุ่มท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ถ้าหากเห็นว่าผู้ประกอบการรายใดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญก็อาจพิจารณาทบทวนอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตต่อไป ทริสเรทติ้งได้ลดอันดับเครดิตของบริษัทการบินไทยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จาก “AA-” เป็น “A+” เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่อ่อนแอลง นอกจากบริษัทการบินไทยและบริษัทคิงเพาเวอร์แล้ว บริษัทที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แก่ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลัก รายได้ของบริษัทการบินไทยมากกว่า 90% มาจากการขนส่งผู้โดยสาร สินค้า และไปรษณีย์ภัณฑ์ระหว่างประเทศ การปิดสนามบินทั้งสองแห่งทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้มากถึง 548 ล้านบาทต่อวัน ในขณะที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงถึง 140 ล้านบาทต่อวัน บริษัทคาดว่าผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองนี้จะทำให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารทั้งปีในปี 2551 ลดลงประมาณ 6%-8% จากปีก่อน โดยอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารในปี 2551 ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 74% และอาจจะลดลงไปอีกหากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ในส่วนของบริษัทคิงเพาเวอร์ก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบในระดับไม่แพ้กันเนื่องจากรายได้ประมาณ 90% ของบริษัทมาจากการขายสินค้าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและรายได้ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนประมาณ 75%-80% ของรายได้ทั้งหมด สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะโรงแรมห้าดาวซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ พบว่ามียอดการจองห้องพักล่วงหน้าในช่วงปีใหม่ 2552 ลดลง และคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการรุนแรงขึ้นและไม่สามารถขึ้นราคาห้องพักได้ ดังนั้นจึงคาดว่าอัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ (Revenue Per Available Room - RevPAR) จะลดลง ซึ่งส่งผลให้รายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลงเช่นเดียวกัน แต่สำหรับบริษัทที่ได้รับอันดับจากทริสเรทติ้งทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าเนื่องจากบริษัทไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซามีรายได้จากธุรกิจอาหารบริการด่วน(Quick Service Restaurant — QSR) ประมาณ 50%-60% ของรายได้รวม ในขณะที่บริษัทเอ็มบีเคนั้นส่วนใหญ่จะพึ่งพิงรายได้หลักจากธุรกิจบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าและธุรกิจโรงสีข้าวซึ่งมีสัดส่วน 60% ของรายได้รวม ดังนั้น ผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาจึงอยู่ในระดับปานกลาง และในระดับไม่มากนักสำหรับบริษัทเอ็มบีเค ทริสเรทติ้งเห็นว่าผลกระทบต่ออันดับเครดิตขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการว่าวิกฤติการณ์ทางการเมืองจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้จะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรเพื่อลดผลกระทบให้เกิดน้อยที่สุด โดยทริสเรทติ้งจะติดตามผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้อย่างใกล้ชิดควบคู่ไปกับการติดตามสถานการณ์ทางการเมืองเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากทริสเรทติ้งเห็นว่าผู้ประกอบการรายใดได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างมีสาระสำคัญก็อาจมีการทบทวนอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตต่อไป ปัจจุบันทริสเรทติ้งให้อันดับเครดิตคิงเพาเวอร์ที่ “BBB-/Stable” การบินไทยที่ “A+/Stable” บริษัทไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนลที่ “A/Stable” บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาที่ “A-/Stable” และเอ็มบีเคที่ “A-/Stable” -- จบ อันดับเครดิตในปัจจุบันของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวของทริสเรทติ้ง 1. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A+/Stable 2. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) อันดับเครดิตองค์กร: BBB-/Stable 3. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A/Stable 4. บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL) อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A-/Stable 5. บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK) อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A-/Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ