กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ก.พลังงาน
กระทรวงพลังงาน เร่งเครื่องแผนพลังงานทดแทน 15 ปี เดินหน้าจัดรับฟังความเห็นทั่วประเทศให้แล้วเสร็จในปี 2551 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ครั้งสุดท้าย ณ กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าเป็นแผนแม่บทพลังงานทดแทนแห่งชาติ หวังลดใช้พลังงานลง 22.5 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ประหยัดเงินได้ 320,000 ล้านบาทต่อปี
นพ. วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาระดมความคิดเห็นเรื่อง “ร่าง” แผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยมี นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวรายงานความเป็นมาของการสัมมนาฯ และนายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวรายงานภาพรวม “ร่าง” แผนพลังงานทดแทน 15 ปี ณ สโมสรทหารบก (วิภาวดี) กรุงเทพมหานคร
นพ. วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว. พลังงาน เปิดเผยถึง ความคืบหน้าด้านนโยบายการผลักดันให้พลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ ว่า กระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จัดทำร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ จ. นครราชสีมา จ. เชียงใหม่ จ. ภูเก็ต และกรุงเทพมหานคร ซึ่งครั้งนี้ถือครั้งสุดท้าย ซึ่งหลังจากการระดมความคิดเห็นในวันนี้ จะนำไปปรับปรุงร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ทั้งนี้ การจัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีดังกล่าว พพ. ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนทุกรูปแบบเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศในปี พ.ศ. 2565 จากเดิมที่กำหนดเป้าหมายเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8 ในปี พ.ศ. 2554 เท่านั้น (ปัจจุบัน มีการใช้พลังงาน ร้อยละ 5.8 ประหยัดเงินได้ 94,000 ล้านบาทต่อปี) เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นแหล่งพลังงานหลักของประเทศ โดยมั่นใจว่าแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี จะช่วยให้ประเทศไทย ลดใช้พลังงานลง 22.5 ล้านตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือประหยัดการนำเข้าพลังงานได้ 320,000 ล้านบาท ต่อปี (ประเมินที่ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล) รวมทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 42 ล้านตัน ภายในปี พ.ศ. 2565
แผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี เน้นผลักดันเชื้อเพลิงชีวภาพ ทั้งไบโอดีเซล เอทานอล และ NGV เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.7 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศในปี พ.ศ. 2565 ตั้งเป้าส่งเสริม ไบโอดีเซล 4.5 ล้านลิตร/วัน ทั้ง B2 B5 และ B10 เอทานอล 9 ล้านลิตร/วัน ทั้ง E10 E20 และ E85 ในปี 2565
นพ. วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว. พลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้กรอบการจัดทำแผนพลังงานทดแทน 15 ปี ประเทศไทยจะเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนระดับแนวหน้าของเอเชียที่มีศักยภาพสูง ควบคู่ไปกับแผนวิจัยพลังงานให้มีการสอดรับระหว่างกัน โดยกำหนดเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น จะให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพสูง และมีผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ระยะกลาง จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนภายในประเทศ เป็นการสร้างอุตสาหกรรม และบุคลากรเพื่อรองรับเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในอนาคต ให้อุตสาหกรรมด้านพลังงานทดแทน มีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ประกอบกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้พึ่งพาตนเองด้วยพลังงานสะอาดต่อไป และระยะยาวจะเน้นการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์ส่งออกเชื้อเพลิงชีวภาพ และการส่งออกเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชีย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)
โทร/แฟกซ์ 02 223 2322