กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น
ธุรกิจค้าแฟชั่นค้าปลีกและธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าช่วยหนุนยอดขายของบมจ.ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น (MINOR) เติบโต 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 723 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/49 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท ลดลง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากบริษัทฯมีการบันทึกรายได้จากการลงทุนใน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ลดลง โดยที่ผ่านมาในไตรมาส 2/48 บริษัทฯถือหุ้น MINT เพียง 4.2% และได้รับรู้รายได้จากเงินปันผลและหุ้นปันผลจำนวน 54 ล้านบาท ต่อมาบริษัทฯได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 19.2% บริษัทจึงเปลี่ยนวิธีลงบัญชีจากวิธีราคาตลาดเป็นวิธีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นในไตรมาส 2/49 บริษัทฯจึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในหุ้น MINT คิดเป็นกำไรสุทธิจากค่าความนิยมตัดจำหน่ายและต้นทุนทางการเงินเป็นจำนวน 5 ล้านบาท MINT มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นประจำทุกปี ดังนั้นความแตกต่างที่เกิดจากการบันทึกรายได้จากเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ส่งผลในไตรมาสที่ 3 และ 4 หากไม่รวมรายได้จากการลงทุนใน MINT บริษัทฯมีกำไรจากการประกอบกิจการหลักในธุรกิจค้าปลีกและการผลิต เพิ่มขึ้น 8.2 ล้านบาท หรือ 26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 2/49 ธุรกิจแฟชั่นค้าปลีกนำโดยสินค้าแบรนด์หลักของบริษัทฯอย่าง เอสปรี และ บอสสินี่ ทำรายได้รวมเท่ากับ 299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เครื่องสำอางยี่ห้อ บลูมและลาเนจ ช่วยเสริมให้ธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางค้าปลีกมียอดขายเพิ่มขึ้น 11% เป็น 65 ล้านบาท และจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้ดียวในประเทศไทยของเครื่องบินเซสน่า บริษัทฯมีรายได้จากการจำหน่ายเครื่องบินและค่าบริการจำนวน 18 ล้านบาทในไตรมาส 2/49 เมื่อเทียบกับในไตรมาส 2/48 ที่มีรายได้เพียง 1 ล้านบาท สำหรับสินค้ายี่ห้อใหม่อย่าง ทิมเบอร์แลนด์ ที่บริษัทเริ่มเป็นผู้แทนจำหน่ายเมื่อสิ้นปี 2547นั้น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถทำรายได้ให้กับบริษัทฯ 19 ล้านบาทในไตรมาส 2/49 นอกจากนี้ บริษัทฯได้เปิดตัวสินค้ายี่ห้อใหม่ Charles & Keith รองเท้าแฟชั่นสตรีชั้นนำ โดยจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ใหม่นี้ให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยต่อไป
บริษัทฯมีรายได้จากการรับจ้างผลิตสินค้าในไตรมาส 2/49 จำนวน 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% บริษัทฯได้เริ่มเปิดดำเนินการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 4/48 ส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในไตรมาส 1/49 โดยเฉพาะสินค้าประเภทน้ำยาปรับผ้านุ่ม
การเพิ่มการลงทุนใน MINT ในไตรมาส 3/48 จาก 4.3% เป็น 19.2% บริษัทฯมีความพอใจกับการลงทุนดังกล่าวเนื่องจากราคาหุ้น MINT ได้ปรับขึ้นมาถึง 150% นับแต่วันที่เข้าซื้อ จากราคาหุ้นละ 4 บาท มาเป็น 9.90 บาท ในไตรมาส 2/49 บริษัทฯได้บันทึกมูลค่าจากการลงทุนใน MINT เป็นจำนวน 271 ล้านบาท จากการรับรู้มูลค่าใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้น MINT (MINT-W3) จำนวน 55 ล้านหุ้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมา MINT ได้ประกาศผลดำเนินงานในไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 61% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจอาหาร 25% และจากธุรกิจโรงแรม 13%
บริษัทไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MINOR) เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศในประเทศไทย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนการสอน โดยยี่ห้อที่บริษัทฯเป็นผู้จัดจำหน่ายในปัจจุบันได้แก่ เอสปรี เรดเอิร์ธ บอสสินี่ ซีเนะควอนอน ทิมเบอร์แลนด์ บลูม ลาเนจ อิลิมีส ทูมี่ เฮงเคล ไทม์ไลฟ์ และเวิร์ดบุ๊ค นอกจากนี้บริษัทฯยังมีธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 19.2% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว และบริษัทมีนโยบายที่จะยังคงสัดส่วนของการลงทุนในบริษัทย่อยต่อไป รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าเยี่ยมชมเวบไซด์ www.minornet.com
Press Contacts:
Pratana Manomaiphiboon / Prapharat Tangkawattana /
Jim Fralick at Tel: (662) 381-5151