กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--บีโอไอ
บอร์ดบีโอไอเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยตั้งคณะทำงานประเมินมูลค่าความเสียหายและแนวทางให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งปรับเงื่อนไขให้จูงใจผู้ประกอบการลงทุนเพิ่มเพี่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
นายประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้บีโอไอให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริม ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งได้รับความเสียหาย อาทิ มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากปกติ ต้องเสียค่าปรับในการส่งสินค้าล่าช้า เกิดค่าเสียหายจากการหยุดผลิตเพราะขาดวัตถุดิบ
โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษาและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งแนวทางให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์ของมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรไปสู่เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานลดลงหรือให้มีการนำพลังงานทดแทนมาใช้ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้ลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดปริมาณของเสีย น้ำเสีย หรืออากาศ
ทั้งนี้ จะต้องเป็นกิจการที่อยู่ในข่ายให้การส่งเสริม ระยะเวลาการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีของโครงการเดิมต้องสิ้นสุดลงแล้ว หรือเป็นโครงการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และต้องยื่นคำขอภายในปี 2552 และดำเนินการภายในปี 2554
สำหรับโครงการที่ลงทุนเพิ่มตามเงื่อนไขดังกล่าว จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของมูลค่าเงินลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองโครงการตามมาตรการนี้ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงาน ส.ผ. กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน เป็นต้น