กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงเกี่ยวกับกรณีการขอเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทฯตระหนักดีถึงประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจโดยรวม และศักยภาพของตลาดทุนไทยที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ได้เชิญให้บริษัทฯ เข้ารับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย และกฎข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างบรรทัดฐานและความยุติธรรมต่อบริษัทต่างๆ ที่มีสิทธิและมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2549 บริษัทฯ ได้ขอชะลอการเสนอขายหุ้นในประเทศและการขอนำหุ้นเข้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากต้องการให้กฎหมายควบคุมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มี ผลบังคับใช้เสียก่อน ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้บริษัทฯ เสนอขายหุ้นต่อนักลงทุนในต่างประเทศได้ เป็นผลให้บริษัทฯ สามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย และประเทศอื่นๆ อย่างเคร่งครัดและครบถ้วน จึงได้รับการยอมรับอย่างสูงในการเป็นบริษัทที่มี ธรรมาภิบาลในการดำเนินการ มีความชัดเจนในการดำเนินธุรกิจจนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในฐานะดังกล่าวจากตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น จะทำให้บริษัทฯ ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทเอกชนของคนไทย เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในด้านของการเป็นองค์กรที่ได้รับการตรวจสอบดูแลอย่างเข้มงวดยืนยันถึงความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ช่วยให้นานาประเทศยอมรับมาตรฐานการดำเนินการระดับสากลของบริษัทเอกชนไทย เปิดโอกาสให้การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น การที่มีบริษัทเอกชนขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงเวลานี้ จะยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯเกิดภาพลักษณ์ที่มั่นคง สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ชาวไทยและนักลงทุนชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น
บริษัทฯ ยังมีส่วนในการสร้างความเจริญให้กับประเทศไทย ด้วยการเสียภาษีให้กับรัฐถึงปีละไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้กับธุรกิจ ชุมชนและครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับวงจรธุรกิจอีกปีละหลายแสนล้านบาท รวมไปถึงการดำเนินกิจกรรมช่วยสังคมในทุกด้านอย่างต่อเนื่องและแข็งขัน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดจากความแตกแยกทางความคิดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเพิ่งสงบลงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา ในฐานะบริษัทเอกชนของ คนไทย ถือเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีความห่วงใยในประเทศชาติ จึงได้ทบทวนถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงตัดสินใจขอระงับการดำเนินการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ฯในขณะนี้ เพื่อลดประเด็นความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นอีกในสังคม
บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมไทยจะได้มีโอกาสทำความเข้าใจในบทบาทของตลาดทุนที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติโดยรวม และความแตกต่างระหว่างผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดทุนไทย ตลอดไปจนถึงกลุ่มผู้บริโภคและลูกค้าของบริษัทมหาชนทั่วไป โดยควรตั้งอยู่บนพื้นฐานประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเป็นธรรม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Barakorn Petchnoi
Media Manager
Aziam Burson-Marsteller (ABM)
Bangkok, Thailand
Tel: +66 (0) 2252 9871 ext. 123
Fax: +66 (0) 2254 8353
Mobile: +66 (0) 8 6389 5645