กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานจากภาวะฝนตกหนักส่งผลให้เกิด น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในจังหวัดพัทลุง ปัตตานี สงขลา ยะลา และนราธิวาส พร้อมสั่งการให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา เขต ๑๘ ภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติตลอด ๒๔ ชั่วโมง พร้อมเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนตกหนาแน่นและฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ๙ จังหวัด รวม ๘๗ อำเภอ ๕๔๕ ตำบล ๓,๓๖๓ หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต ๒๘ คน ราษฎรเดือดร้อน ๒๑๒,๐๑๔ คน ๗๖๕,๑๔๐ คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง และนครศรีธรรมราช ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม ๒๐ อำเภอ ๙๙ ตำบล ๗๔๑ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๔๓,๑๓๑ ครัวเรือน ๑๖๖,๖๗๗ คน โดยพัทลุง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๑๑ อำเภอ ๕๖ ตำบล ๕๐๘ หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต ๓ ราย ราษฎรเดือดร้อน ๑๘,๕๕๒ ครัวเรือน ๘๑,๑๘๐ คน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน ๕ อำเภอ ๑๗ ตำบล ๑๔๒ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๑๘,๕๙๐ ครัวเรือน ๗๖,๕๑๕ คน ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน บางแก้ว เขาชัยสน และปากพะยูน ปัตตานี เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๑๒ อำเภอ ๘๙ ตำบล ๓๑๓ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๑๓,๘๑๖ ครัวเรือน ๓๓,๕๗๘ คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย ๒๑,๙๑๒ ไร่ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอเมืองปัตตานี ได้แก่ ตำบลบาราเฮาะ (หมู่ที่ ๒) และตำบลปะกาฮะรัง บ้านบลีดอ ราษฎรเดือดร้อน ๑๕๐ ครัวเรือน ๔๙๐ คน สงขลา เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๑๓ อำเภอ ๘๓ ตำบล ๔๑๕ หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต ๕ คน ราษฎรเดือดร้อน ๔๘,๐๒๓ ครัวเรือน ๑๖๒,๓๐๑ คน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มริมทะเลสาบสงขลา ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอระโนด กระแสสินธิ์ และสทิงพระ คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะเข้าอยู่ในภาวะปกติใน ๑ สัปดาห์ ยะลา เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๓ อำเภอ ๒๑ ตำบล ๗๙ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๔,๙๖๖ ครัวเรือน ๑๘,๔๔๙ คน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๒ อำเภอ ๑๙ ตำบล ๖๖ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๒,๗๙๕ ครัวเรือน ๑๒,๐๐๓ คน ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา และรามัน นราธิวาส เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๑๓ อำเภอ ๗๖ ตำบล ๔๘๘ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๑๘,๗๖๗ ครัวเรือน ๗๔,๐๕๔ คน ผู้เสียชีวิต ๑ คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย ๕๘,๒๙๕ ไร่ ปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๙ อำเภอ ๔๔ ตำบล ๓๙๖ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๑๕,๐๒๓ ครัวเรือน ๕๗,๓๗๖ คน ได้แก่ อำเภอเมืองนราธิวาส ยี่งอ บาเจาะ เจาะไอร้อง สุไหงปาดี สุคิริน สุไหงโก-ลก ระแงะ และแว้ง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา เขต ๑๘ ภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จัดเจ้าหน้าที่ จำนวน ๙๐ คน ออกสำรวจความเสียหายและระดมเครื่องจักรกล เรือท้องแบน ๘๗ ลำ รถบรรทุก ๑๗ คัน เครื่องสูบน้ำ ๑๒ เครื่อง เพื่อให้บริการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของและอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งนำถุงยังชีพ ๓,๒๐๐ ชุด พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทุกจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง และเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลให้พร้อม เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชน ได้ทันเหตุการณ์ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วน สาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ผู้ส่ง : pr
เบอร์โทรศัพท์ : 02 2432200