ตราสารหนี้ในประเทศผลตอบแทนไม่จูงใจ KTAM ขายพันธบัตรเกาหลีใต้3.80%ต่อปี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 9, 2008 13:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--บลจ.กรุงไทย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX6M3) และกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3เดือน5 ( KTSUP3M5) ระหว่างวันที่ 9-16 ธันวาคมนี้ โดยกองทุนKTFIX6M3 เป็นกองทุนที่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกระยะ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝากสถาบันการเงิน ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 60% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝากของธนาคารไทยธนาคาร และธนาคารทิสโก้ อีกแห่งละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.10% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของกองทุนปรับลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับกองทุนที่เปิดจำหน่ายก่อนหน้านี้ เนื่องจาก คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2.75% ซึ่งปรับลดลงถึง 1.00%: มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับลดลง 0.50% - 1.00% โดยพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.25-2.60% รุ่นที่มีอายุยาวจะมีอัตราผลตอบแทนต่ำกว่านี้ เนื่องจากตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีโอกาสปรับลดได้อีกในการประชุม กนง.ครั้งหน้า นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า จากการลงทุน ในพันธบัตรรัฐบาลในประเทศ อัตราผลตอบแทนเริ่มไม่จูงใจผู้ลงทุน บริษัทจึงได้เสาะแสวงหาทางเลือกให้กับลูกค้า จึงเห็นว่าพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ซึ่งมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำกว่าไทยเมื่อพิจารณาจากอันดับความน่าเชื่อถือ โดยอยู่ที่ A / A-1 /Stable Outlook โดย S&P และพันธบัตรภาครัฐในประเทศ อยู่ที่ BBB+ / A-2 / Negative Outlook โดย S&P บริษัทจึงพิจารณาเปิดจำหน่ายกองทุน KTSUP3M5 อายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ในสัดส่วน 75% และลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝากของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) อีก 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3.80% ต่อปี และตราสารที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน นายสมชัย กล่าวว่า ความเสี่ยงของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ขึ้นอยู่กับฐานะการคลังของรัฐบาล ภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทเห็นว่าฐานะการคลัง ของเกาหลีใต้มีอัตราการก่อหนี้การคลังสุทธิ 33% ของ GDP ต่ำกว่าประเทศในกลุ่ม OECD ที่ส่วนใหญ่จะก่อหนี้อัตราสูงกว่า 60% ของ GDP และที่ผ่านฐานะการคลังยังคงเกินดุลต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าประเทศมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะใช้นโยบายการคลังขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปัจจุบันยังมีความมั่นคงฐานะการคลังเกินดุลต่อเนื่อง อัตราการก่อหนี้สาธารณะต่ำ ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง และเชื่อว่าเพียงพอต่อการชำระหนี้ต่างประเทศระยะสั้น มีสถานะที่ดีกว่าในช่วงวิกฤตการณ์ปี 2540 ค่อนข้างมาก โดยภาวะการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจภายใน แต่เนื่องจากเกาหลีใต้มีระบบเศรษฐกิแบบเปิดจึงหลีกเลี่ยงผลกระทบจากต่างประเทศไม่พ้น สำหรับความเสี่ยงด้านนโยบายการเงินระหว่างประเทศที่จะเกิดกับนักลงทุนต่างประเทศ เชื่อว่ามีค่อนข้างต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาแม้ในช่วงวิกฤตเมื่อปี 2540 ประเทศเกาหลีใต้ไม่เคยประกาศห้ามเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ของกองทุน KTSUP3M5 จะลงทุนในตราสารรุ่นที่มีอายุใกล้เคียงกับอายุกองทุน และมีการทำสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าทั้งจำนวนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่จะได้รับจากเงินลงทุน ดังนั้น จึงไม่มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ส่วนคู่สัญญาจะทำกับสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงสูง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ แสงสิริ เนตรอัมพร /สำนักประชาสัมพันธ์ โทร 0-2670-4900 ต่อ 1235

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ