กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--กู๊ด มอร์นิ่ง มันเดย์
จัดโครงการ VISIBLE LOVE รณรงค์วัยรุ่น บริจาคดวงตา
"ดวงตาเราคู่นี้แสนมีค่า เกินกว่าจะทิ้งไปให้สูญเปล่า
เราไม่อยู่ เราไม่ใช้ นัยน์ตาเรา ให้คนเขาเก็บไว้ใช้ เราได้บุญ"
คำขวัญพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ*
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจ รองผู้อำนวยการสถาบันกวดวิชาภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ อี แอคเคเดมี่ และหัวหน้าทีมเอ็ดดูเทนเนอร์ ได้จัดโครงการ "Visible Love เมื่อความรักทำให้ตามองเห็น" โดยร่วมกับศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ทะลายความเชื่อเกี่ยวกับการบริจาคดวงตา ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้และเชื่อชวนวัยรุ่นให้มาร่วมกันบริจาคดวงตามหากุศล โดยมีเยาวชนเข้าร่วมทำความดีกันคับคั่งซึ่งเพียงเปิดโครงการได้ 2 เดือนเท่านั้น ยอดดวงตาที่ได้รับก็พุ่งไปถึง 750 คู่ หรือ 1,500 ดวงแล้ว
โดยครูพี่แนน — อริสรา เปิดใจว่า "เอ็นคอนเส็ปท์ จัดโครงการ Visible Love เมื่อความรักทำให้ตามองเห็น นี้ขึ้น เพื่อช่วยศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย หาผู้บริจาคดวงตา ขณะเดียวกันเราก็หวังว่าจะมีส่วนร่วมปลูกฝังความคิดดี ๆ ให้เยาวชนเรียนรู้จักการเป็น "ผู้ให้" มากกว่า "ผู้รับ" ซึ่ง เอ็ดดูเทนเนอร์ หรือครูสอนภาษาอังกฤษของสถาบัน จะร่วมกันให้สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคดวงตา ให้วัยรุ่นเห็นประโยชน์ว่า "การให้" ของพวกเขาสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนอื่นได้
หนึ่งในไฮไลท์ของงาน "Visible Love เมื่อความรักทำให้ตามองเห็น" คือการปรากฏตัวของ น้องตั๊ก-อธิศรี สงเคราะห์ ในเพลง "Can't take that away from me" ที่บอกว่า ความเชื่อ ความศรัทธา และจิตวิญญาณคือสิ่งที่ไม่มีใครนำไปจากเราได้ โดยเธอได้ทิ้งคำคมที่ทำให้คนทั้งห้องต้องปรบมือให้กับหัวใจที่ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งของเธอ เมื่อน้องตั๊ก กล่าวว่า "ดวงตาของเราทุกคนก็เช่นกัน ไม่มีใครเอาไปจากเราได้ แต่หากเรายินดีมอบให้คนอื่น ก็ถือเป็นความงดงามที่สุด ...โลกใบนี้ยังมีเพื่อนที่กำลังจะมองไม่เห็นอีกมาก ตั๊ก อยากเห็นทุกคนช่วยให้หน้าต่างของเขาได้เปิดอยู่ต่อไป อย่าให้มันมืดดับลงไปเลย"
สำหรับสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนไทยไม่นิยมบริจาคดวงตา คือ ความกลัวว่าชาติหน้าจะไม่มีตา หรือ กลัวศพไม่สวย ซึ่งในความจริงแล้วทางศูนย์ดวงตาจะนำเฉพาะกระจกตาของผู้ตายไปใช้เท่านั้น ส่วนลูกตาจะมีการเย็บติดแบบสวยงามจนแทบดูไม่ออกเลยว่าได้บริจาคตา โดยปัจจุบัน ยังมีผู้รอรับดวงตามากกว่า 4,800 ราย และผู้ป่วยแต่ละคนใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี ในการรอคอยดวงตาเพื่อมาใช้ผ่าตัดเปลี่ยน
หนึ่งในผู้รอคอยการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา ได้แก่ น้องนิว — นายนิติวรรณ โอสุวรรณ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง อายุ 20 ปี โดย นิว เล่าว่า "ผมเป็นโรคกระจกตาโค้งงอผิดปกติทั้งสองข้างตั้งแต่มัธยม ถ้าปิดตาขวาจะมองไม่เห็นอะไรเลย และเวลาฝุ่นเข้าตาจะปวดตามาก ๆ ใช้ชีวิตลำบากมาก แต่ผมก็ยังอยากเรียน อยากได้โอกาส อยากอ่านหนังสือ อยากเล่มคอมพิวเตอร์เหมือนเพื่อน ตอนนี้ผมรอดวงตามา 3 ปีแล้ว ก็ได้แต่รอคอยอย่างมีความหวังว่าสักวันหนึ่งชีวิตของผมคงสดใสขึ้นเหมือนอย่างเพื่อนคนอื่น ๆบ้าง"
ขณะที่ น.ส.ปัทมา อรรถาเวช ชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ หนึ่งในเยาวชนที่ร่วมบริจาคดวงตา เล่าว่า "โบว์ เคยคิดอยากจะบริจาคดวงตามาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่ก็รู้สึกกลัว ไม่กล้าบริจาค พอทราบว่าครูพี่แนน ทำโครงการนี้เลยเข้ามาศึกษาข้อมูล ก็เลยเปลี่ยนความคิด ทำให้ได้มาบริจาคดวงตาในโครงการ Visible love ด้วย รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนต่อชีวิตคนๆหนึ่งให้มีโอกาสได้เห็นสีสันบนโลกใบนี้ที่มีมากกว่าโลกที่มืดมนค่ะ"
ด้านนางสาวณัฐชญาฎา จิระวิมล หรือน้องขวัญ วัย 20 ปี จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี กล่าวอย่างคนอิ่มบุญว่า "เมื่อเราตายแล้ว เราก็ไม่มีโอกาสใช้ร่างกายอีกต่อไป ในเมื่อดวงตาของเรายังมีประโยชน์ สามารถทำให้คนอื่นมองเห็นได้ แล้วทำไมต้องรีรอที่จะทำประโยชน์อันนี้กัน เพื่อนคนไหนที่อยากบริจาค ก็ควรปรึกษาพ่อแม่ก่อน แต่ไม่มีใครว่าเราได้ เพราะสิ่งที่เราทำไปนั้น เราตั้งใจทำดี คิดดี และยังเป็นการทำบุญกุศลครั้งยิ่งใหญ่ด้วย "
"กลุ่มวัยรุ่น เป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจะพ้นไปจากกรอบความเชื่อแบบเดิม ๆ ไปแล้ว มีความเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น แนน อยากเห็นปรากฏการณ์ที่วัยรุ่นสมัครใจเดินเข้าบริจาคดวงตาด้วยความมั่นใจนี่คือการทำความดี เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว รวมทั้งมีความกล้าที่จะ เป็นคนไปอธิบายให้พ่อแม่ ปู่ย่าตายายได้มาร่วมกันสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยตัวเอง" ครูพี่แนน กล่าวปิดท้าย
ก่อนจบงาน เชฟสาววัยรุ่นสุดแนวนกหวีด-ภควดี เสรีวิวัฒนา ได้แสดงความจำนงบริจาคดวงตากับโครงการ Visible Love พร้อมกับออกมาสาธิตการทำอาหารเมนูบำรุงสายตา "Visible Love Salad" พร้อมให้ผู้ร่วมบริจาคดวงตาทุกคนได้บำรุงสายตากับสลัดถ้วยพิเศษกันถ้วนหน้า เรียกว่าทั้งอิ่มใจ อิ่มท้องไปตาม ๆ กัน ก่อนที่ครูพี่แนน-อริสรา และทีมผู้บริหารเอ็นคอนเส็ปท์ จะนำทีมพนักงานและเยาวชนร่วม 30 คนเดินออกจากสถาบัน เอ็นคอนเส็ปท์ ชั้น 6 สยามดิสคัฟเวอรี่ ไปรณรงค์หนุ่มสาวและผู้คนย่านสยามสแควร์ และสยามเซ็นเตอร์ ให้ร่วมบริจาคดวงตากับ Visible Love
สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากร่วมทำบุญครั้งยิ่งใหญ่นี้สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซด์โครงการ www.enconcept.com/visiblelove ได้ตั้งแต่วันนี้ โดยผู้บริจาคดวงตาผ่านโครงการนี้ทุกคนจะได้รับหนังสือธรรมะน่าอ่าน 1 เล่ม พร้อมกับได้มีส่วนร่วมสมทบทุน 100 บาทให้เป็นทุนการศึกษากับเด็กด้อยโอกาสอีกด้วย เนื่องจากเอ็นคอนเส็ปท์ จะสมทบทุน 100 บาทให้กับการบริจาคดวงตาทุก 1 คู่ ซึ่งในวันงานทางเอ็นคอนเส็ปท์ได้มอบทุนการศึกษาเริ่มต้น 100,000 บาทให้กับมูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) อีกด้วย
"คนที่บริจาคอวัยวะเป็นทาน จัดว่าได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่ ควรได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เสียสละที่หาได้ยาก..." คำกล่าวของท่าน ว.วชิรเมธี
ต้อนรับปี 2552 ด้วยการสร้างมหากุศล...มาบริจาคดวงตากันเถอะ
สื่อมวลชนที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ภรณ์ธณัฐ สถิรกุล หรือ ฐิภา จิ๋วแก้ว ส่วนที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์
บริษัท กู๊ด มอร์นิ่ง มันเดย์ จำกัด โทร 02-953-9624-5 ต่อ 801 , 806
แฟกซ์ 02-953-9265
อีเมล์ gmmonday2020@gmail.com
Good Morning Monday Co.,Ltd
PR Consultant
Tel. 02-953-9624-5
Fax. 02-953-9264-5
email gmmonday2020@gmail.com