กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน ๙ จังหวัด และขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ๗ จังหวัด ยังมีจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง และสงขลา รวม ๘ อำเภอ พร้อมสั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา เขต ๑๘ ภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัย ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ ๙ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ชุมพร ตรัง และยะลา รวม ๘๘ อำเภอ ๕๔๙ ตำบล ๓,๔๗๘ หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต ๒๘ คน ราษฎรเดือดร้อน ๒๒๗,๔๙๓ ครัวเรือน ๘๒๐,๒๗๐ คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง และสงขลา รวม ๘ อำเภอ โดยพัทลุง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๑๑ อำเภอ ๕๖ ตำบล ๕๐๘ หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต ๓ ราย ราษฎรเดือดร้อน ๑๘,๕๕๒ ครัวเรือน ๘๑,๑๘๐ คน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน บางแก้ว เขาชัยสน และปากพะยูน เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมทะเลสาบสงขลา คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติใน ๑ — ๒ วัน สงขลา เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๑๓ อำเภอ ๘๓ ตำบล ๔๑๕ หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต ๕ คน ราษฎรเดือดร้อน ๔๘,๐๒๓ ครัวเรือน ๑๖๒,๓๐๑ คน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำริมทะเลสาบสงขลา ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอระโนด กระแสสินธิ์ และสทิงพระ คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน ๑ — ๒ วันนี้
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา เขต ๑๘ ภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จัดเจ้าหน้าที่ จำนวน ๙๐ คน ออกสำรวจความเสียหายและระดมเครื่องจักรกล เรือท้องแบน ๘๗ ลำ รถบรรทุก ๑๗ คัน เครื่องสูบน้ำ ๑๒ เครื่อง เพื่อให้บริการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของและอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งนำถุงยังชีพ ๓,๒๐๐ ชุด พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทุกจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง และเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลให้พร้อม เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันเหตุการณ์ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป