กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--สพว.
ศูนย์บริการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาคาร iSMEs (สำนักงานใหญ่) — สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สพว.) ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดพิธีส่งมอบแผนปฏิบัติการสร้างแบรนด์ฯ และงานนิทรรศการแสดงผลงานการพัฒนาเพื่อสร้างแบรนด์ของผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 20 ราย ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาสินค้า ปีที่ 2
นายเมธี ลีละวัฒน์ รองผู้อำนวยการสายปฏิบัติการ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้กล่าวในระหว่างให้เกียรติเป็นประธานในพิธีส่งมอบแผนปฏิบัติการสร้างแบรนด์ และเปิดการสัมมนาในหัวข้อ “การ Implement Brand สำหรับ SMEs ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว” ว่า สถาบันฯ ได้รับความไว้วางใจจากสำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้ดำเนินการสร้างตราสินค้าให้กับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มผลิตภาพ และขีดความสามารถทางนวัตกรรมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคการผลิต ให้สามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ โดยปีนี้ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 20 แบรนด์
“การสร้างแบรนด์จะช่วยทำให้ธุรกิจ สามารถสร้างความเด่นชัดและเกิดการจดจำได้จากผู้บริโภค ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงและผลิตภัณฑ์ หรือบริการส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกัน การเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีและมีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ไม่ได้มีแบรนด์เป็นของตนเองแล้ว ก็จะไม่สามารถสร้างฐานของผู้บริโภคที่เป็นของตนเอง ทั้งอาจเกิดการซื้อซ้ำจากผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้” นายเมธี กล่าว
นายอยุทธ์ เตชะสุกิจ ผู้อำนวยการศูนย์เพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ SMEs ได้ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาแบรนด์มากขึ้น เพราะการมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและจดจำของผู้บริโภคทั้งในระดับองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป จะนำมาซึ่งการเพิ่มผลิตภาพ มูลค่า ยอดขาย และช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งหมายถึงผลกำไร และความมั่นคง เป็นภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางกระแสการแข่งขันอย่างรุนแรงในปัจจุบัน เมื่อผู้ประกอบการมีแบรนด์ที่เข้มแข็งแล้ว ก็เปรียบเสมือนกับธุรกิจนั้นมีภูมิคุ้มกันที่ดี
“โครงการพัฒนาตราสินค้า SMEs ปีที่ 2 จะเป็นการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ SMEs สู่การเป็นธุรกิจที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง โดยใช้ต้นแบบการสร้างแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะธุรกิจสำหรับ SMEs เน้นการค้นหาจุดขายที่แตกต่าง เพื่อพัฒนาเป็นจุดแข่งขันที่เข้มแข็งและยั่งยืนของธุรกิจ และนำเสนอสู่กลุ่มเป้าหมายด้วยรูปแบบที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างเหมาะสมกับงบประมาณและความพร้อมของ SMEs ด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าและบริการของตนเองให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักกันอย่างแพร่หลายในระดับประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ลดการพึ่งพา และสามารถพัฒนาได้ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน” นายอยุทธ์ กล่าวในตอนท้าย