กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
- เอเอ็มดีเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี 65 นาโนเมตรได้อย่างรวดเร็วตามกำหนดการ -
ในระหว่างการเปิดตัวระบบประมวลผลรุ่นอนาคตที่ประหยัดพลังงานได้มากกว่า เอเอ็มดี (NYSE: AMD) ประกาศว่า บริษัทฯ ได้เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 65 นาโนเมตร โดยเริ่มต้นใช้กับเดสก์ทอปโพรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์ AMD Athlon? 64 X2 ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายแล้ว การเปลี่ยนย้ายไปสู่เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตรช่วยให้เอเอ็มดีสามารถผลิตโพรเซสเซอร์ได้มากขึ้นบนแผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มิลลิเมตร จึงสามารถเพิ่มกำลังการผลิต ทั้งยังเพิ่มสมรรถนะการทำงานของโพรเซสเซอร์ และลดปริมาณการใช้พลังงานอย่างเห็นได้ชัด โพรเซสเซอร์ของเอเอ็มดีซึ่งมีขนาดความกว้างของเส้นอยู่ที่ 65 นาโนเมตร ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพการประมวลผลที่เหนือกว่าสำหรับการรันโปรแกรมซอฟต์แวร์หลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน และทำให้เครื่องพีซีมีขนาดเล็กลง จึงช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานของคอมพิวเตอร์ภายในบ้านและสำนักงาน ทั้งนี้ เอเอ็มดีคาดว่าภายในช่วงกลางปี 2550 โรงงานผลิต Fab 36 จะสามารถเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตรได้อย่างสมบูรณ์ การปรับเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่นี้ช่วยให้เอเอ็มดีสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดทั่วโลกสำหรับโพรเซสเซอร์ x86
“เอเอ็มดีแสดงความเป็นผู้นำอย่างชัดเจนในการนำเสนอประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่สูงกว่า ทั้งในส่วนของเดสก์ทอปและเซิร์ฟเวอร์ และเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่นี้จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้บริโภคได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์รุ่นประหยัดพลังงานในตระกูล AMD Athlon 64 X2” มร. บ๊อบ บรูเออร์ รองประธานฝ่ายเดสก์ทอปของเอเอ็มดี กล่าวและเสริมว่า “ลูกค้ายังคงต้องการโซลูชั่นที่มุ่งเน้นการประหยัดพลังงานและมีเสียงรบกวนน้อยกว่า เอเอ็มดีจึงตอบสนองความต้องการดังกล่าวด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อนำเสนอเดสก์ทอปโพรเซสเซอร์รุ่นอนาคตที่ใช้พลังงานน้อยกว่า และทำให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์โดยอาศัยโพรเซสเซอร์ AMD64 ซึ่งเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการทำงาน”
ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำ เช่น เอเซอร์, เดลล์, ฟาวเดอร์, เกตเวย์, เอชพี, ลีโนโว, แพ็คการ์ด เบลล์ และตงฟาง รวมทั้งผู้ประกอบเครื่องทั่วโลก เตรียมวางจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 X2 รุ่น 65 นาโนเมตร พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Vista? ซึ่งเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนอง และรองรับการแสดงผล 3 มิติแบบความละเอียดสูงได้อย่างดีเยี่ยม
“เอเซอร์มุ่งมั่นที่จะนำเสนอระบบคอมพิวเตอร์ที่ก้าวล้ำและมีเสถียรภาพ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้” มร. จิม หว่อง ประธานกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ไอที เอเซอร์ อิงค์ กล่าวและว่า “คอมพิวเตอร์เดสก์ทอปประสิทธิภาพสูงในตระกูล Aspire ซึ่งขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 X2 รุ่นประหยัดพลังงาน จะช่วยเพิ่มพลังการประมวลผล ลดปัญหาเรื่องการระบายความร้อน และทำลายอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม”
“เดลล์เป็นผู้นำในตลาดคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปทั่วโลก เรารับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และนำเสนอผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งเปี่ยมด้วยคุณภาพและให้สมรรถนะที่เหนือกว่า” มร. วีเว็ก โมฮินดรา รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์เดสก์ทอปของเดลล์ กล่าวและว่า “ด้วยการใช้โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 X2 รุ่นประหยัดพลังงาน เราจึงสามารถนำเสนอคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป Dell OptiPlex และ Dimension หลากหลายรุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว ทั้งในส่วนของการทำงานในออฟฟิศและความบันเทิง ด้วยประสิทธิภาพการประมวลผลแบบดูอัลคอร์และการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า”
“ในฐานะผู้ผลิตพีซีชั้นนำระดับโลก เอชพีมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดให้แก่ลูกค้า” ชากอริก้า ดิซิท ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ระบบประมวลผลสำหรับผู้บริโภคประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือของเอชพี กล่าวและว่า “ด้วยเดสก์ทอปโพรเซสเซอร์รุ่นอนาคตจากเอเอ็มดี จึงทำให้เอชพีสามารถพัฒนาโซลูชั่นประหยัดพลังงานสำหรับผลิตภัณฑ์เดสก์ทอปหลากหลายรุ่นในระดับราคาที่คุ้มค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างเหมาะสม”
การพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนและการผลิต
เทคโนโลยี Silicon-on-Insulator (SOI) ขนาด 65 นาโนเมตรของเอเอ็มดี เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยี SOI ขนาด 90 นาโนเมตร ซึ่งเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ สามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และประหยัดพลังงาน การเปลี่ยนย้ายไปสู่เทคโนโลยี 65 นาโนเมตรช่วยให้สามารถลดความกว้างของเส้น และ ทำให้เอเอ็มดีผลิตโพรเซสเซอร์ได้มากขึ้นบนแผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มิลลิเมตร จึงสามารถเพิ่มกำลังการผลิต และด้วยเหตุนี้ เอเอ็มดีจึงสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตและปรับปรุงผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตรของเอเอ็มดีพัฒนาต่อยอดจากข้อตกลงทางด้านเทคโนโลยีที่ทำไว้กับไอบีเอ็ม ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวนับว่าเป็นประโยชน์ต่อเอเอ็มดีเป็นอย่างมาก
เซมิคอนดักเตอร์ อินไซท์ (Semiconductor Insights - SI) บริษัทที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ได้ทำการวิเคราะห์เดสก์ทอปโพรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 X2 รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตร และหลังจากที่ทำการวิเคราะห์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เซมิคอนดักเตอร์ อินไซท์ ก็ได้มอบรางวัล 2006 INSIGHT Award สำหรับเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวล้ำที่สุด ให้แก่เอเอ็มดี.
“ผลการวิเคราะห์อุปกรณ์ยืนยันว่า โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 X2 ที่ได้รับการผลิตจากโรงงาน Fab 36 ของเอเอ็มดี โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตร มีความยาวของประตูสัญญาณต่ำสุด 35 นาโนเมตร และประกอบด้วยชั้นโลหะทองแดง 9 ชั้น และอลูมิเนียม 1 ชั้น รวมทั้งแชนเนลแบบ Strained Silicon และแผ่นฐานรองที่เป็น Silicon on Insulator (SOI)” มร. ดอน สแกนเซ่น หัวหน้านักวิเคราะห์เทคโนโลยีการผลิตของเซมิคอนดักเตอร์ อินไซท์ กล่าวและว่า“ทั้งหมดนี้นับเป็นแพ็คเกจเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ”
เอเอ็มดีมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นระบบสำหรับการพัฒนาทรานซิสเตอร์ ภายใต้แผนงาน Continuous Transistor Improvement (CTI) และ Shared Transistor Technology (STT) โดย CTI เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงทรานซิสเตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้เอเอ็มดีรักษาความเป็นผู้นำในด้านสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้พลังงานของทรานซิสเตอร์ และทำให้สามารถนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาปรับใช้ในการผลิตได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น นอกจากนี้ ภายใต้แผนงาน STT เอเอ็มดีจะใช้ทรานซิสเตอร์ที่ก้าวล้ำที่สุดจากรุ่นก่อนหน้าเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรุ่นอนาคต แนวทางนี้ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพสูงสุดของทรานซิสเตอร์ภายในโหนดการประมวลผลแบบใหม่
แนวทางแบบผสมผสานนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการผลักดันการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากการที่เอเอ็มดีสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่องในเรื่องประสิทธิภาพของโพรเซสเซอร์และการจัดการพลังงาน
ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการปกป้องสิ่งแวดล้อม
โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 X2 รุ่นประหยัดพลังงาน ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่เหนือกว่า และกินไฟน้อยกว่า เอเอ็มดีจะยังคงปรับปรุงโพรเซสเซอร์ AMD64 และเทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอโพรเซสเซอร์ที่กินไฟน้อยลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอเอ็มดีในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรวม โพรเซสเซอร์แบบประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ช่วยเสริมสร้างเทคโนโลยี Cool‘n’Quiet? ของเอเอ็มดี โดยช่วยให้ระบบสามารถปรับระดับการใช้โพรเซสเซอร์ให้สอดคล้องกับระดับประสิทธิภาพที่ต้องการอย่างแท้จริง
เมื่อเดือนมีนาคม 2548 หน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Agency - EPA) ของสหรัฐฯ ให้การยอมรับว่าเทคโนโลยี Cool‘n’Quiet ของเอเอ็มดี เป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ก้าวล้ำในแง่ของการประหยัดพลังงาน ด้วยความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เอเอ็มดีสนับสนุนการทำงานของหน่วยงาน EPA และองค์กรอื่นๆ ทั่วโลกที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาและการนำเสนอเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน จากข้อมูลการใช้พลังงานของเอเอ็มดี เอเอ็มดีคาดว่าระบบที่ขับเคลื่อนด้วยเดสก์ทอปและโมบายล์โพรเซสเซอร์จะเป็นไปตามข้อกำหนดคอมพิวเตอร์ ENERGY STAR เวอร์ชั่น 4 ที่ EPA เพิ่งประกาศล่าสุด โดยข้อกำหนดดังกล่าวได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2549 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2550
“ความมุ่งมั่นในการสรรค์สร้างนวัตกรรมของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประสิทธิภาพในด้านการประหยัดพลังงาน” มร. บิล เวห์รัม รักษาการรองผู้อำนวยการฝ่ายอากาศและการแผ่รังสีของ EPA กล่าวและว่า “ภายใต้โครงการ ENERGY STAR หน่วยงาน EPA และพันธมิตรของเรากำลังพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไป เราขอชมเชยความเป็นผู้นำนวัตกรรมของเอเอ็มดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยให้ลดผลกระทบของคอมพิวเตอร์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
แพลตฟอร์มที่มีเสถียรภาพสำหรับโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม
เอเอ็มดีสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีเยี่ยมเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานพีซีทั่วไป เช่น ประสิทธิภาพการแสดงผลที่เหนือกว่า คุณภาพวิดีโอที่ได้รับการปรับปรุง และการใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยในช่วงพักการทำงาน ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตพีซีรายใหญ่และผู้ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงผู้ผลิตชิปเซ็ต การ์ดแสดงผล และเมนบอร์ด เอเอ็มดีจัดหาแนวทางแพลตฟอร์มแบบเปิดที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสุดยอดที่มีเสถียรภาพสูง และสร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชั่นที่แตกต่าง โพรเซสเซอร์ที่สามารถใช้งานร่วมกับ
ซ็อกเก็ต AM2 ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงสถาปัตยกรรม AMD64 ซึ่งรองรับการพัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์มรุ่นอนาคต เช่น เทคโนโลยี AMD-Virtualization? และหน่วยความจำ DDR2 ประสิทธิภาพสูงแบบไม่มีบัฟเฟอร์ นอกจากนั้น การใช้ซ็อกเก็ต AM2 เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ด ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายด้วยการปรับขนาดการผลิต ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น แต่ราคาถูกลง
โพรเซสเซอร์ AMD64 เป็นแพลตฟอร์มที่มีคุณสมบัติพร้อมสรรพสำหรับการรองรับพลังของระบบปฏิบัติการ Windows Vista
“ไมโครซอฟท์และเอเอ็มดีได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การประมวลผลที่ปลอดภัยและมีคุณภาพอย่างที่ต้องการเมื่อใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista” มร. ไมค์ ซีเวิร์ท รองประธานฝ่าย Windows ของไมโครซอฟท์ กล่าวและว่า “เราเชื่อว่าการที่เอเอ็มดีเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตร จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน และเราเชื่อมั่นว่าเอเอ็มดีจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows Vista ต่อไปในอนาคต”
ราคา
โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ AMD Athlon 64 รุ่น 5000+, 4800+, 4400+ และ 4000+ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิต 65 นาโนเมตร ราคา 301 เหรียญสหรัฐ, 271 เหรียญสหรัฐ, 214 เหรียญสหรัฐ และ 169 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ (สำหรับโพรเซสเซอร์แบบบรรจุกล่อง (PIB) จำนวน 1,000 ชุด) หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคา คลิกไปที่ www.amd.com/pricing
เกี่ยวกับ AMD
เอเอ็มดี (NYSE: AMD) คือผู้นำนวัตกรรมการประมวลผลในตลาดคอมพิวเตอร์, กราฟฟิก และสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ เอเอ็มดีมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม นำเสนอทางเลือก และกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรม ด้วยโซลูชั่นที่มุ่งตอบสนองทุกๆความต้องการของผู้ใช้เทคโนโลยี และช่วยเพิ่มอำนาจให้กับผู้บริโภคทั่วไปไปจนถึงองค์กรธุรกิจทั่วโลก ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.amd.com
กรุณาติดต่อ:
มิส ลิน ยอง
ผู้จัดการการตลาดคอนซูมเมอร์
บริษัท เอเอ็มดี ฟาร์อีส จำกัด
(65) 6559 9951
lynn.yong@amd.com
ประชาสัมพันธ์ข่าวโดย
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด
สุชาย เฉลิมธนศักดิ์
0 2971 3711
suchai@pc-a.co.th