กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--อาร์เอส
สรุปสามฉากสำคัญใน Red Cliff 2
ฉากลวงเอาเกาทัณฑ์มาจากกองทัพโจโฉ
ด้วยความที่กองทัพของง่อก๊กและจ๊กก๊ก มีกำลังพลและสรรพาวุษด้อยกว่ากองทัพของ โจโฉ หลายเท่าตัว จิวยี่ จึงไปเชิญ ขงเบ้ง มาหารือ แล้วขอร้องให้เขาช่วยหาลูกธนูหนึ่งแสนดอกให้เขาภายในเวลาสิบวัน ได้ยินดังนั้น ขงเบ้ง จึงตอบกลับไปว่า "ข้าขอเวลาเพียงสามวันในการทำลูกธนูก็พอ โดยในอีกสามวัน ก็ขอให้ท่านส่งทหารห้าร้อยนายไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อรับลูกธนู" จิวยี่ จึงเรียกเสมียนกองทัพมาทำเขียนสัญญากับ ขงเบ้ง
ในการดังนั้น ขงเบ้ง ก็ขอร้อง โลซก ให้จัดหาเรือยี่สิบลำ, ทหารหกร้อยนาย พร้อมทั้งเสื้อผ้าสีดำและมัดฟางอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้น ขงเบ้ง สั่งให้ทหารนำผ้าสีดำไปคลุมเรือ และทำหุ่นฟางยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของเรือ เขาจัดการแบ่งทหาร 30 คนต่อเรือแต่ละลำ แล้วให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งต่อไป
ในเช้าวันที่สาม ขงเบ้ง เชิญ โลซก มาล่องเรือกับเขา เขาสั่งการให้ทหารล่ามเรือทั้งยี่สิบลำเข้าด้วยกันด้วยเชือก แล้วล่องเรือมุ่งหน้าไปยังริมฝั่งตอนเหนือของแม่น้ำแยงซี โดยในตอนนั้นมีหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่ ซึ่งทำให้ทหารของแต่ละฝ่ายแทบไม่สามารถเห็นกันได้เลย แม้ว่าจะยืนประจัญหน้ากันอยู่
ขงเบ้งสั่งให้เรือทั้งหมดเร่งความเร็ว แล้วสั่งให้ทหารตีกลองศึกแล้วโห่ร้องเหมือนดั่งเตรียมพร้อมจะทำสงคราม เมื่อทหารของทัพ โจโฉ ได้ยินเสียงกลองศึกและเสียงโห่ร้องมาจากแม่น้ำ จึงไปรายงาน โจโฉ ซึ่งคิดว่าเป็นกองทัพของ จิวยี่ ที่มาโจมตีโดยอาศัยหมอกที่หนาทึบ เขาจึงสั่งให้ทหารอยู่แต่ในค่าย และใช้พลธนูยิงใส่ข้าศึกในแม่น้ำ เมื่อหุ่นฟางบนเรือข้างหนึ่งรับลูกธนูเต็มที่แล้ว ขงเบ้ง ก็สั่งให้กลับเรือ เพื่อให้หุ่นฟางบนเรืออีกฝั่งหนึ่งมารับลูกธนู
เมื่อหมอกเริ่มจางและใกล้ฟ้าสาง ขงเบ้ง จึงสั่งทหารให้พายเรือกลับ โลซก รู้สึกแปลกใจกับแผนการนี้และถามว่า เขาสามารถล่วงรู้ได้อย่างไรว่าจะมีหมอก ขงเบ้ง ตอบว่า "คนที่จะเป็นแม่ทัพ จะปราศจากความรู้เรื่องภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อมดินฟ้าอากาศได้อย่างไร จิวยี่ สั่งให้ข้าทำลูกธนูหนึ่งแสนดอกภายในสิบวัน เพราะว่าเขาต้องการหาสาเหตุเพื่อที่จะฆ่าข้า ท่านเองก็รู้ดี เขามิอาจหลอกข้าได้หรอก"
เมื่อกลับมาถึงริมฝั่งด้านใต้แล้ว พวกเขาก็เห็นทหารห้าร้อยที่ จิวยี่ ส่งมารอพวกเขาอยู่ ขงเบ้ง จึงสั่งให้พวกเขาถอนลูกธนูออกจากเรือแล้วก็นับจำนวนลูกธนู ซึ่งลูกธนูที่ได้นั้นก็มีมากเกินกว่าแสนดอกเสียอีก โลซก จึงเดินทางกลับค่ายแล้วบอก จิวยี่ ถึงวิธีที่ ขงเบ้ง ใช้เรือและหุ่นฟางเพื่อเอาลูกธนูเหล่านั้นมา จิวยี่ประหลาดใจมากเพราะเขาคิดว่าแผนนี้ของเขาจะเป็นเหตุให้สังหาร ขงเบ้ง ได้”
ฉากเรียกลมของขงเบ้ง
แม้ว่า จิวยี่ จะตัดสินใจที่จะใช้ไฟโจมตี และ อุยกาย ก็ประสบผลสำเร็จในการหลอก โจโฉ ให้ยอมรับการสวามิภักดิ์ของตัวเอง แต่ จิวยี่ ก็ยังกังวลอยู่ เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดไม่หยุดหย่อน ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกท้อใจจนล้มป่วย โลซก จึงบอกกับ ขงเบ้ง ถึงอาการป่วยของ จิวยี่ เมื่อได้ยินดังนั้น ขงเบ้ง ก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ท่าน โลซก ข้ามีวิธีรักษาท่านแม่ทัพของท่านได้"
ขงเบ้ง เข้าไปพบกับ จิวยี่ ที่นอนป่วยอยู่ จิวยี่ ที่ได้ยินมาจาก โลซก ว่า ขงเบ้ง มีวิธีรักษาเขา ก็ได้พูดพลางถอนหายใจว่า "ไม่มีใครสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของข้าได้หรอก" ขงเบ้ง ยิ้มแล้วพูดว่า "แล้วคนที่สามารถเรียกลมได้ล่ะท่าน" เมื่อได้ยินดังนั้น จิวยี่ ถึงกลับลุกขึ้นทันที และประหลาดใจที่ ขงเบ้ง สามารถอ่านใจเขาได้ เขาจึงซักถามขงเบ้งเรื่องยารักษาทันที
ขงเบ้ง เขียนใบจัดยาแล้วส่งให้กับ จิวยี่ แล้วพูดว่า "ตัวยานี่คงรักษาอาการของท่านได้" จิวยี่ หยิบกระดาษนั้นมาดู ข้างในกระดาษเขียนเอาไว้ว่า "การจะโจมตีโจโฉ การใช้ไฟเป็นหนทางเดียว และทุกสิ่งถูกเตรียมการไว้พร้อมสรรพ ขาดแต่เพียงลมตะวันออกเท่านั้น" จิวยี่ รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ในที่สุดเขาจึงบอก ขงเบ้ง เรื่องที่เขาวิตกเกี่ยวกับการโจมตีด้วยไฟ
ขงเบ้ง นั้นร่ำเรียนวิชาดูสภาพดินฟ้าอากาศ เขารู้ดีว่าในอีกสองสามวัน จะมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดมา แต่เขาต้องการให้ จิวยี่ เชื่อว่า เขามีอำนาจวิเศษสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ เขาแนะนำ จิวยี่ ว่า "ทำไมท่านถึงไม่สร้างแท่นบูชาพิธี แล้วจะใช้ทำพิธีเพื่อเรียกลมตะวันออกเฉียงใต้ให้ท่านสามวันสามคืน" ได้ยินดังนั้น จิวยี่ จึงสั่งให้ทหารสร้างแท่นบูชาพิธีที่เนินลำผิงและเชิญ ขงเบ้ง ไปทำพิธีเรียกลมที่นั่น
ขงเบ้ง จึงเดินทางไปที่แท่นประรำพิธี แต่งตัวในชุดนักพรตลัทธิเต๋าและถือกระบี่ในมือ จิวยี่ และเหล่าแม่ทัพต่างเฝ้ารออย่างกระวนกระวายว่าเมื่อไหร่ลมจะเปลี่ยนทาง แม้ว่าแรงลมจะเริ่มเบาลง แต่มันก็ยังพัดจากทิศตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ดี จิวยี่ พูดกับ โลซก ว่า "ขงเบ้งคงหลอกลวงเราเสียแล้ว จะมีลมตะวันออกเฉียงใต้ในฤดูกาลนี้ได้อย่างไร" แม้ว่า โลซก จะไม่ตอบว่าอะไร แต่เขาก็สงสัยใน ขงเบ้ง เช่นกัน
ครั้นถึงเวลาเที่ยงคืน พวกเขาก็ได้ยินเสียงธงศึกบนกระโจมของพวกค่ายปลิวไสวเพราะแรงลม จิวยี่ และ โลซก จึงวิ่งออกจากกระโจมมาดูก็เห็นว่าชายธงนั้นทั้งหมดชี้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ลมตะวันออกเฉียงใต้นั้นได้มาถึงแล้ว พวกเขาทั้งหมดจึงรู้สึกโล่งใจและปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ฉากเผาทัพเรือโจโฉ
เทียหยก ที่ปรึกษาคนหนึ่งของ โจโฉ ได้ให้คำแนะนำว่า "แม้ว่าการเชื่อมเรือเข้าด้วยกันด้วยโซ่เหล็ก จะทำให้ทหารของเราสามารถต่อสู้ได้ง่ายขึ้น แต่มันอาจทำให้เรารับมือต่อการโจมตีด้วยไฟจากทัพ จิวยี่ ได้ยากขึ้น เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการนี้" เมื่อได้ยินดังนั้น โจโฉ ก็แผดเสียงหัวเราะแล้วพูดว่า "การโจมตีด้วยไฟนั้นไม่อาจทำได้โดยปราศจากลม เวลานี้เป็นฤดูหนาว มีเพียงลมตะวันตกเฉียงเหนือเท่านั้นที่พัดผ่าน ถ้า จิวยี่ ใช้ไฟในการโจมตีโดยไม่คำนึงถึงลมตะวันตกเฉียงเหนือ ทัพของพวกมันเองนั่นแหล่ะ ที่จะตกเป็นเหยื่อของอัคคี"
ด้วยการที่ แม่ทัพอุยกาย แห่งง่อก๊ก และ จิวยี่ ร่วมมือกันออกอุบาย โดยแสร้งให้ อุยกาย ขัดคำสั่งของ จิวยี่ ซึ่งเป็นผลทำให้เขาถูกสั่งลงโทษด้วยการโบยเป็นจำนวน 100 ครั้ง และเป็นเหตุให้ อุยกาย ตัดสินใจแปรพักตร์ โดยมอบหน้าที่ให้ งำเต๊ก เป็นคนมอบจดหมายของเขาให้กับ โจโฉ โดยเนื้อความในจดหมายนั้นเขียนมาว่า "ตอนนี้ เหล่าแม่ทัพทุกคนล้วนแต่เกลียดชังความยโส โอหังและเอาแต่ใจของ จิวยี่ ข้าตัดสินใจที่จะสวามิภักดิ์มาหาท่าน โจโฉ ถ้าท่านยอมรับการยอมจำนนของข้า ข้าจะนำทหารของข้าพร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดในสังกัดของข้า มาพร้อมกันในวันที่ข้ามาสวามิภักดิ์ท่าน”
โจโฉ รู้สึกยินดีมาก เพราะ อุยกาย เป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ และน่าจะเป็นประโยชน์อันมหาศาลในสงครามครั้งนี้ เมื่อถึงวันที่ อุยกายเดินทางพากองทัพเรือของตัวเองมาจำนน ที่ปรึกษา เทียหยก พูดกับ โจโฉ ว่า "ข้ารู้สึกว่าเรือพวกนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ขออย่าให้เรือเหล่านี้เข้าใกล้เรือของพวกเราได้ ถ้าเรือเหล่านี้เต็มไปด้วยเสบียงศึก เรือแต่ละลำจะต้องกินน้ำลึกกว่านี้และแล่นได้ช้า แต่ท่านก็สังเกตได้เรือรบของ อุยกาย นั้น ลอยเหนือผิวน้ำเพียงเล็กน้อยและแล่นมาเร็วยิ่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ก็กำลังพัดกระหน่ำในตอนนี้ พวกเราควรจะมั่นใจเสียก่อนว่านี่ไม่ใช่อุบายของง่อก๊ก”
เมื่อได้ดังนั้น โจโฉ ก็รู้ตัวว่าหลงกลเสียแล้ว เขาจึงสั่งให้ แม่ทัพบุนเพ่ง ไปหยุดเรือเหล่านั้นก่อนที่จะเข้ามาใกล้เรือรบของฝั่งวุยก๊ก อุยกาย นำเรือใหญ่สิบลำที่บรรทุกหญ้าแห้งที่ราดน้ำมันจนเปียกชุ่ม โดยเรือลำใหญ่ที่สุดนั้น ก็ลากจูงเรือลำที่เหลือ และทั้งขบวนเรือก็แล่นเข้าหาค่ายโจโฉอย่างรวดเร็ว
บุนเพ่ง ตะโกนร้องบอกให้ อุยกาย หยุดเรือเสีย ไม่เช่นนั้นเขาจะสั่งให้ยิงธนูเข้าใส่ แต่เรือของ อุยกาย ก็แล่นเข้าใส่เรือของ โจโฉ ด้วยความเร็วสูง อุยกาย หยิบอาวุธของเขาออกมาเตรียมพร้อม แล้วเรือทั้งสิบลำก็เริ่มจุดไฟเผาเรือ เตรียมโจมตีเรือศึกของ โจโฉ ด้วยไฟ และด้วยลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดโหมกระหน่ำก็ยิ่งทำให้ไฟแรงขึ้น เรือรบ โจโฉ ที่ยึดติดด้วยกันด้วยโซ่เหล็ก เหมือนดั่งติดกับดักไปไหนไม่ได้ ก็ถูกไฟลามจากเรือลำหนึ่งไปอีกลำอย่างรวดเร็ว แล้วเรือทั้งหมดก็ตกอยู่ภายใต้ทะเลเพลิงในที่สุด