บทสัมภาษณ์ “พี่ยอร์ช” ผู้กำกับ “โหดหน้าเหี่ยว”

ข่าวบันเทิง Tuesday December 23, 2008 11:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--อาร์เอส - อยากรู้แนวคิดของพี่ยอร์ชว่าทำไมถึงเอา คอมเมอดี้ +แอ็คชั่น แล้วทำไมต้องเป็นโหดหน้าเหี่ยว พอดีชื่อมันเป็นคอมเมอดี้ +แอ็คชั่น แต่ข้างในมีคอมเมอดี้และดร่ามา มันมีส่วนผสมของหลายๆ อย่างพี่รู้สึกว่าหนังทุกเรื่องมันเป็นคอมเมอดี้ได้แล้วแต่ว่าเราจะเล่ามุมไหน หนังชีวิตก็เป็นคอมเมอดี้ได้หนังแอ็คชั่นก็เช่นกันในเรื่องนี้ก็เลยถูกคิดอย่างนี้ ถูกคิดให้ว่าลองเอาชีวิตข้นๆ ลองเอาชีวิตหนักๆของความโหด ต่อยกัน ความแค้นดร่ามาลองเอาผสมอยู่ในโครงสร้างใหญ่ของคอมเมอดี้ก็ได้ เมื่อเวลาผ่านไปล้วเรื่องเศร้าก็เป็นเรื่องตลกได้คล้ายๆ อย่างนี้เหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอดีตพอหยิบมาเล่า หยิบมาสร้างก็เหมือนว่าตลกดีวะ แย่งผู้หญิงคนเดียวกันจนแบบโดนอะไรก็ว่าไป - ไม่ได้เน้นไปที่แอ็คชั่นหรือว่าตลกแอ็คชั่นใช่มั้ยคะ ไม่อะมุ่งเน้นไปที่เรื่องการสร้างเสียงหัวเราะอย่างเดิม - มันมีฉากร้องเพลงอะไรด้วยเหมือนว่าพระเอกร้องเพลงให้นางเอกอะไรอย่างเนี่ย พี่ยอร์ชแต่งเองหรือเปล่าคะ ทีจริงแต่งเองแต่อย่าพูดถึงดีกว่าเพราะว่าที่จริงมันถูกใช้ไปแล้วท่อนหนึ่งในโปงลางฯ ท่อนท้ายท่อนเศร้าใช้ไปแล้ว เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเหมือนว่าเจอผู้หญิงครั้งแรกแล้วน่ารักจังเลย แต่ท่อนท้ายบอกว่าถ้าเราเอื้อมไม่ถึงเขาจริงๆ แล้วต้องเดินจากไปเราก็ยังรับได้และก็ยังจะแอบเฝ้าดูเขาอยู่ห่างๆ เรื่องที่แล้วมันใช้เป็นพลาสเศร้าไปแล้วในเพลงเดียวกันถูกใช้ท่อนหัวในเรื่องนี้ - ทำไมถึงต้องเป็นจ๋าอีกแล้ว ฝีมืออย่างเดียวเนื่องจากเรื่องนี้มันมีความเข้มของเนื้อตัวละคร คือตัวละครในเรื่องนี้มันจะต่างกับตัวละครในเรื่องอื่นๆ ที่พี่มี ตรงที่เราจะได้ดูชีวิตของเขาทุกคนในเรื่องนี้ บางตัวละครในเรื่องอื่นช่วยจะหน้าที่เป็นซับพลอทเตอร์ช่วยทำให้ตัวเด่น เด่นที่สุด เรื่องนี้อาจจะมีโครงเรื่องที่มีตัวเด่นอยู่จริงแต่ว่าแต่ละคนดันมีเรื่องเราของเขาอยู่ในนั้น ด้วยทุกคนมีที่มามีปมชีวิตอยู่ในนั้นหมดความสนุกจะเกิดจากปมชีวิตของพวกเขาด้วยดังนั้นนางเอกก็ต้องเป็นคนที่มีฝีไม้ลายมือพอสมควรที่จะทำให้ดูเหมือนเราจะเข้าใจปมชีวิตนั้นด้วย ความต้องการของนางเอกคือมีอยู่แค่นิดเดียวคืออยากให้พ่อยอมรับสักทีว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ได้อยากเป็นแชมป็โลก - พี่ยอร์ชกลัวไม่คะว่ามันหลายเส้นมากๆ สำหรับเรื่องนี้มีทั้งปมคนนี้คนนั้นเพราะปกติถ้าทำลายพี่ยอร์ชก็จะทำเส้นเดียวสองเส้นแล้วเรื่องนี้มากขึ้น ไม่กลัวเพราะคาแรคเตอร์ของเขามันชัดมากๆ จึงทำให้ปมของเขานำเสนอแค่ส่วนหนึ่ง เราก็จะเข้าใจได้ มันไม่ได้อยากแต่ละตัวไม่ได้ซับซ้อนว่าคนนี้ไปเป็นคนนั้นคนนี้อยู่แล้วก็ค่อยๆ ดูไปอันนั้นมันจะยากแต่อันนี้มันไม่ได่ยากขนาดนั้นเพียงแต่ว่ามันมีความเป็นมาของตัวละครแค่นั้นเอง - แต่จริงๆ แล้วมุ่งนำเสนอเกี่ยวกับอะไร แบบว่ามีอะไรเป็นปมพิเศษที่อยากให้คนดูคิดอะไรอย่างนี้ ปมก็คือเป็นเรื่องของความรักแก่นของความรักที่รู้จักรัก บางทีคนเราเนี่ยคือโกรธคนที่เรารักและจะโกรธมากกว่าคนอื่น พี่อยากให้คนเข้าใจว่าแอะเวลาที่มึงโกรธคนที่มึงรักเนี่ยมึงควรจะโกรธน้อยกว่าคนอื่นดีมั้ย เพราะว่าทำไมไม่เอาความรักที่เคยมีมาลบความโกรธที่ตรงนี้ คนจะโกรธคนที่เรารักมากกว่า จะแค้นคนที่เรารักมากกว่า เรื่องนี้จะสอนให้รู้ว่าถ้าคิดให้ดีๆ เนี่ยคนทีเรารักน่าจะถูกโกรธน้อยกว่าคนที่เราไม่เคยรักด้วยซ้ำ - อันนี้คือรวมถึงทั้งพระเอก นางเอก หรือคู่รักทั้งหมด อันนี้คือแก่นครับ แก่น แก่นของความโหดที่ไอ้คนนี้มันโหดไล่ล่ากันทั้งหมดในเรื่อง แต่ๆ ละตัวเรื่องเขาวาไรตี้มากอย่างเช่น พี่ค่อม เป็นเจ้าของร้านวีดีโอที่หลงรักนางเอก เคยเห็นผู้ชายที่หลงรักนางเอกหลงรักจารุณี หลงรักเนาวรัตน์ ที่อยู่ในใจเขาอะ อย่างโก๊ะเป็นคนที่เคยเป็นโจรและกลับใจและเลยหันมานับถือพระเป็นโจรที่ห้อยพระ ก็จะมีปมของเขา พี่จิ้มเป็นพระที่บวชเพราะอยากตามรอยพ่อตัวเองที่เคยบวชจนเป็นเจ้าอาวาสจนตาย จนกระทั้งวันหนึ่งได้มาอยู่ที่วัดที่พ่อตัวเองตายไป จ๋าเป็นผู้หญิงที่ถูกพ่อเลี้ยงมาโดยที่คิดว่ามึงไม่ต้องคิดหรอกมึงเป็นเด็ก ไม่เกี่ยวกับเด็กเขามีความฝันว่าเขาอยากเป็นผู้ใหญ่สักที พระเอกคือ โจ๊กเป็นคนที่แยกไม่ออกระหว่างการลุกขึ้นสู้กับการปอดแหก คือพอเขาไม่อยากมีเรื่องเขาก็บอกว่าเขารักสงบ แฟนเขาสอนให้เขารู้ว่าที่จริงแล้วการรักสงบกับการลุกขึ้นสู้มันคนละข้อกัน หรือนุ้ยเป็นช่างตัดผม แต่อยากเล่นดนตรีดังนั้นเวลาที่เขาทำงานของเขาสิ่งที่เขาอยากทำกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แล้วก็เซนหนึ่ง เป็นเด็กที่เชื่อว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญเขาเรียนภาษาอังกฤษ เพียงแต่เขาข้องใจอย่างหนึ่งว่าเราเป็นคนไทยแล้วทำไมเราไม่ให้ภาษาไทยเป็นภาษาสากลวะวเลาเขาเรียนภาษาอังกฤษเขาจะไม่สนใจว่าภาษาอังกฤษคำนั้นแปลว่าอะไร แต่เขาจะเฝ้าถามครูเขาตลอดเวลาว่าครูทำไมเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ และครูของเขาก็จะตอบเขาว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลและไม่ใช่คำตอบที่ผิดเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่ขี้สงสัย ครูถ้าครูปอดแหกครูไปทำนมมั้ย คือมึงช่วยตอบให้กูกระจ่ายนิดหนึ่งว่าภาษาอังกฤษดีกว่าภาษาไทยอย่างไรเราเป็นคนไทยเราก็น่าจะเชิดชู้ภาษาไทยสิครูก็ตอบไม่ได้ เป็นตัวแทนของเด็กที่ขี้สงสัย - คือว่าเป็นงานที่ยากไม่คะสำหรับพี่ยอร์ชตรงที่แบบมันหลากหลายมากจริงๆ กำกับเด็กด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ยากๆ ยากมากมีหลายขณะที่พี่รู้สึกว่าพี่ทำตัวปัญญาอ่อนมากเอาง่ายๆ วันไหนที่พี่กำกับ 3 คนนี้ คือ พี่รงค์ เซนหนึ่ง และโจ๊กกลับไปบ้านเหมือนกูไปทำงานมาหรือเปล่าวะทำไมมันเหนือยอย่างนี้ คือ โจ๊กเล่นเป็นจิ๊กโก๊มาตลอดและต้องมาเล่นหนังคอมเมอดี้ ไอ้โจ๊กมึงต้องยิ้มพี่ผมยิ้มเพราะอะไรวะไอ้ห่านี่ก็เด็กเจ้าปัญหาคนหนึ่งและ ไอ้เซนสมมุติคำว่าไม่เอาไม่พูดแต่พูดคำว่าไม่พูดเซนแค่เติมคำว่าเอาไปในตอนท้ายหน่อยไม่เอาจะพูดว่าไม่เฉย คือปัญหาของมึงคืออะไร พี่รงค์เป็นคนที่ติดเล่นคอมเมอดี้มากแต่ในเรื่องนี้เขาเล่นเป็นคนโหดเหี่ยวมากเผยในเรื่องนี้เขาจะทำท่าบ้าๆ บ่อๆ พี่ไม่เอาคือประสาทกินอะต้องมานั้งตอบคำถามกับสิ่งที่สั่งให้เขาทำ คือผมไม่ได้ส่งให้พี่ทำแต่ผมว่าตัวละครมันอย่างนี้ก็กูอยากตลกพี่รงค์พูด พี่รงค์ก็สงสัยกูจะตลกไม่ได้หรือ ไอ้เซนก็ถามว่าทำไมต้องพูดคำนี้ไอ้เซนไม่มีเหตุผลมาถามด้วยผมจะไม่พูดคำนี้ - ทำไมพี่ถึงเลือกกำกับหนังที่มีความยากอย่างนี้ที่มีทั้งบู๊ คอมเมอดี้ ทั้งเด็ก อย่างนี้อะคะทำไมถึงเลือก เพราะว่ามันไม่คิดว่ามันจะยาก ความยากมันมาตอนหลังทีแรกคิดว่ามันจะดีเขียนบทอะไรไปก็คิดว่ามันจะดีและก็ไม่คิดว่ามันจะยากก็คิดว่าเดียวไปลุยกันแต่พอลุยแล้วถามว่ายากมั้ยพี่ตอบว่ามันยากแต่ตอนที่เป็นบทพี่ไม่คิดว่ามันจะยาก พี่เชื่อว่าตัวละครนี่ดี - พี่พิงเขียนบทอีกแล้ว พี่พิงไม่ได้เขียนแล้วเพียงแต่ว่าเคยปรึกษากับพี่พิงเรื่องโครงเรื่อง ในเรื่องนี้ไม่ได้ใช้พี่พิงเขียนนะก็คือใช้พี่ที่อ๊อฟฟิตพี่เขียน ให้ทีมเขียน - แก็งส่ายหน้าแต่คราวนี้มีพี่นุ้ยมาเพิ่มทำไมถึงเป็นพี่นุ้ย เคยเห็นงานเขาและเขาเป็นคนที่เล่นหนังและจริง ตัวละครที่เล่นตัวนี้มันทั้งเป็นตัวละครที่เป็นจริงๆ ต้องการตัวละครทีเป็นพ่อดูแลลูกพี่มีความรู้สึกว่าเห็นเขาเล่นหนังใน ตั๊ดสู้ฟุ๊ต เขาเล่นเขาไม่ได้ห่วงว่าตลกมั้ยเขาแค่ห่วงตัวละครนั้นเขาเล่นเป็นตัวละครนั้นก็คือจบแล้วตัวละครที่พี่อยากได้และเขาก็เป็นคอมเมอดี้คนหนึ่งที่สามารถอยู่ในกลุ่มนี้ได้ - ไม่กลัวคนจะมองเนี่ยเป็นส่ายหน้าอีกแล้ว ทำไมไม่เปลี่ยนจากพี่รงค์เป็นคนอื่น พี่ค่อม โก๊ะตี๋ อะไรอย่างนี้ ไม่คิดจะเปลี่ยนไม่คิดจะเปลี่ยนจริงๆ ยืนยันคำเดิมว่าไม่ใช่แค่เรื่องสนิทแล้วเรื่องที่แล้วตอบว่าสนิทพอทำโปงลางฯ ก็ไม่มีเขา เขาแค่มาช่วยมาแจมแค่นั้นเองก็รู้สึกว่าก็ทำได้ปัดฝุ่นกับการทำกับคนอื่นดูบ้าง นอกจากความคิดถึงสนิทแล้วเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เราอยากได้คนที่มีความสามารถประเภทนี้เล่นหนังคอมเมอดี้ แต่ไม่ได้กลัวว่าคนจะถามว่าทำไมต้องเป็นพวกนี้เพราะมาแน่ๆ ถามแน่ๆ เราก็จะตอบแบบนี้ - จะกลับมาทวงร้อยล้ายมั้ย คิดว่าจะร้อยล้านอีกมั้ย ไม่คิดเลยเรื่องเงิน ไม่กล้าคิดคือแบบมีคนมาช่วยลุ้นให้คิด มาก มีคนถามเรื่องนี้ไม่มีใครถามเรื่องหนังเลยมีแต่คนถามเรื่องนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมมีแต่คนถามเรื่องนี้ ต้องไปถามเฮียว่าเฮียอยากได้อย่างนั้นหรือเปล่าเพราะมันมีอิทธฤทธิ์ของหลายๆ ส่วนเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องคนอื่นช่วยทำเยอะ นักแสดงมั่นใจมั้ย เศษฐกิจสภาพแวดล้อมโอเคมั้ยอะไรอย่างเนี่ย ทีมโปรดักชั่นมั่นใจมั้ย ทีมโปรโมทมั่นใจมั้ย เพราะว่าถ้าถามตัวเองก็ไม่กล้าที่จะคิดเรื่องนี้ - พี่ยอร์ชมั่นใจมั้ยคะว่าเรื่องนี้จะฮากว่าเรื่องก่อนๆ หรือมีแนวทางว่าคนน่าจะชอบ เชื่อว่าคนจะชอบ แต่ว่าจะหัวเราะท้องแข็งแบบไหนก็ต้องแล้วแต่จังหวะเศรษฐกิจช่วงนั้นของประเทศไทยด้วย แต่หนังเรื่องนี้ดูเหมือนชื่อจะจริงจังแต่ข้างในบ้าๆ บ่อ มีคำหนึ่งที่พี่รู้สึกว่ามันให้คำนิยามของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีจากประโยชน์หนึ่งของตัวละครในหนังก็คือพี่ค่อมพูดว่า “สอง สาม วันมานี้เกิดเรื่องกับกูเยอะมากทั้งโดนแทงทั้งโดนยิง ทำไมก็ไม่ตายวะ” คือมันบอกอะไรบางอย่างว่าหนังเรื่องนี้มันชั่งแบบมันเป็นเรื่องเบาสมองมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่ตัวละครมันไม่ได้เอากันจนถึงตายอะไรอย่างเนี้ย - ก็คืออยากให้คนในสังคมคิดอย่างนี้เหมือนกันปะคะ ใช่ครับ คือพี่ยังรู้สึกว่าโลกหนังของพี่นี่มันเรื่องที่ 4 แล้วอะ ถ้าเกิดว่าโลกที่พี่ทำมันเป็นเรื่องจริงนะมันคงดีอะ คือสามารถให้อภัยกันได้เพียงแค่สะกิดว่ามึงลองคิดแนวนี้สิ แทงกันจริงๆ แล้วรู้สึกว่าก็ไม่น่าแทงมันเลยเออมันไม่ตายวะโชคดีกูยังมีโอกาสเพราะกูยังไม่ฆ่าคนตายเพราะมันไม่ตาย มันคงสวยดีอะไรอย่างเนี้ย ไม่มีแก็สน้ำตาด้วยเรื่องนี้ (หัวเราะ) - ทำไมต้องเลือก Location ที่เพชรบุรี อันนี้ส่วนตัว คือ เพชรบุรีเจ้งนอกจากความน่ารักแล้วในเรื่องของความดุดันและความจริงจังของเขายังมีอยู่ เมืองมีทั้งธรรมชาติ มีทั้งเมือง มีทั้งวัฒนธรรมเก่า มีทั้งวัดเก๋เนื่องจากมันเป็นยุคของคนยุคเก่าในหนังเรื่อง นี้นะที่ยังตกยุคอยู่ไม่ยอมก้าวข้ามไปสักที ยังยึดกันอยู่ความแค้นยังยึดติดกับความเดิมของชีวิตตัวเองอะ ไอ้นี่ก็อยากจะขอโทษ ไอ้นี่ก็แค้น ก็ยังคาในใจอยู่ ไอ้นี่ก็ยังเลี้ยงลูกแบบโบราณอยู่ดี ผู้ชายก็ยังไม่กล้าข้ามไปข้างหน้ายังเป็นผู้ชายปอดแหกอยู่ มันเป็นคนที่ติดอยู่กับยุคสมัยเก่าๆ ดังนั้น Location ของมันก็ต้อง Support สิ่งนี่เหมือนกันเขาต้องอยู่กึ่งๆ อะมีเมืองที่สิวิลัยแล้วบ้าง มีบ้านเมืองเก่าที่ยังเก๋ไก๋อยู่บ้าง ภาษาด้วยจะเป็นส่วนหนึ่งของคนจังหวัดเพชรบุรีพี่จิ้ม ชวนชื่น จะเล่นเป็นพระ เป็นคนเดียวในเรื่องที่นำภาษามาพูด ในเรื่องนี้น่ารักสำเนียงเขาน่ารัก -แรงบันดาษใจ ทีแรกเลยที่คิดจะทำหนังเรื่องนี้ จริงๆ แรงบันดาลใจคืออยากทำหนังดราม่าปนตลก แอ็คชั่นก็มีครับอยากทำทั้งสองอันแหละแต่ถามว่าตัวเองจะทำแอ็คชั่นแบบเพียวแอ็คชั่นเลยปะ เป็นตลกแบบเพียวแอ็คชั่นล้วนๆ หรือเปล่าไม่ได้ชอบด้านนั้นเพียงแต่ว่าชอบด้านที่มันเป็นความจริงของชีวิตมีความเป็นดราม่าของมันอยู่ก็เลยจะหาจุดประสงค์ที่ลงตัวของมัน - ฉากที่ถ่ายทำมีฉากไหนที่พี่ยอร์ชถูกใจมากเป็นพิเศษมั้ยคะ ฉากนี้ตลก ฉากนี้รับรองว่ามันมาก คือ หนังเรื่องนี้มันดัน ดันมีตัวละครที่ชอบเยอะเอาเป็นว่าฉากใหม่ๆ ที่ตัวเองชอบมากๆ คือไปขอดารานำของดรีมทีมเขามาเล่นคือ เซน1 หลงรักคือกลับบ้านแล้วคิดถึงมันอะ คือเซน 1 เขามี hi5 ของเขานะ เข้าไปเป็นแฟนคลับเขาแม่เขาก็คงงงว่ามันเป็นใครวะ แล้วสักพักจำได้เขาก็ยินดีต้อนรับสู่แฟนคลับเซน 1 คือไม่ค่อยได้ทำงานกับเด็กฉากที่ประทับใจทุกวันเลยคือที่เซน 1 เข้ามา มันใหม่อะมันเป็นคอมเมอดี้แบบใหม่ของเราคือจากปกติที่เราให้คำพูดแบบนี้ไปอยู่กับ โก๊ะ อยุ่กับพี่รงค์อย่างเนี้ย ไปอยู่ในเด็กที่มันเป็นแบบเนี้ย มันใหม่ดีสำหรับตัวเองทั้งๆ ที่จริงๆ มันไม่ใช่ฉากที่ยากเย็นในการถ่ายอุปกรณ์เยอะแต่มันเป็นความน่ารักที่เกิดขึ้นใหม่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้าเกิดมันไปเกิดในภาพยนตร์ 3 เรื่องที่ผ่านมาผมว่าอันนี้มันเป็นอันใหม่ที่ปนอยู่ในส่ายหน้า - พี่เห็นมุมมองอะไรของเด็กที่เอาตรงนี้มาทำ อย่างเซน 1 พี่ยอร์ชพูดว่าเด็กสมัยนี้มันคิดอย่างนี้ มันมาจากการที่เด็กโตเร็ว จริงๆ มันมาจากอาชีพของพระเอก พระเอกมีอาชีพเป็นคนสอนภาษาอังกฤษ คาแร็คเตอร์ของพระเอกอย่างที่บอกที่แรกเป็นคนที่ปอดแหกอาชีพเขาจึงเป็นอาชีพที่รักสงบมากๆ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กนักเรียนแล้วเด็กนักเรียนแบบไหนละที่มันจะเหมาะกับครูแบบนี้ ก็คือเด็กนัก้รียนที่กล้าพูดกล้าถามกล้าสงสัยแม้กระทั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบ อย่างเช่นคำว่า The แปลว่าอะไรทั้งๆ ที่มันไม่มีความหมาย The ไม่มีความหมายแล้ว เซน1 ก็ถามกลับทันทีว่าไม่มีความหมายแล้วเรียนทำไม แล้ว A ทำไมไม่อ่านว่า อะ คือเราก็เรียนมาเราก็รู้ว่า The ใช่นำหน้านามที่นำหน้าคำที่มีมากกว่าหนึ่งสิ่งแต่มันไม่มีคำแปลแล้วเราจะเรียนไปทำไมละเรียนภาษาไทยดีกว่าครู มันถึงบอกให้ครูเอาภาษาไทยเป็นภาษาสากลไงมาตรฐานกว่ากันทั้งเยอะเด็กอย่างนี้ก็เลยเหมาะกับหนัง - ฉากแอ็คชั่นที่เป็นฉากสุดท้ายเป็นการระเบิดด้วย เอออันนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบอยู่แล้วไง เราไม่ชอบความรุ่นแรงมากๆ อะ แล้วขอพูดหยาบๆ ว่าโอ๋ชิบหายแล้ว วันนั้นมีจอมยุทธิ์เยอะมากๆ ผู้กำกับเพียบเลยพี่อ๊อฟก็ไปช่วย พี่เอมี่ก็ไป อยู่กันครบเซ็ทเลยนะวันนั้นฝ่ายเอ็ฟเฟ็กเขาก็มาบอกว่าพี่เลือก location ตรงนี้ใช่ปะ ข้างหน้าเป็นห้าง ข้างซ้ายเป็นศาลเจ้า ข้างหลังเป็นชุมชน เหตุผลเดียวคือชอบสวยดี ก็ไปวางระเบิดเขาเลยถามว่าพี่ระเบิดอย่างไรก็เลยบอกว่าก็ฟุบหนึ่งไงใช่คำว่าฟุบ ใครสักคนก็มากระซิบว่าใส่น้ำมันไป 50 ลิตร 50 ลิตรมันเยอะไปหรือเปล่าวะใครสักคนที่ฝ่าย Art ก็เดินไปบอกว่าพี่ 50 ลิครมันเยอะไปปะเพราะผู้กำกับบอกว่ามันเยอะไปให้เอาออก แล้วเขาก็บอกว่านิดเดียวอยู่หน้ากล้องยังได้ หรืออย่างไปห่วงหน้ากล้อง ข้างหลังกล้องนะ หน้ากล้อง หลังกล้อง หลังตึก ซ้ายตึก ขวาตึก สิ่งที่มันเกิดขึ้น คือ 1 ลูกไฟพุ่งไปข้างหน้าประตูข้างหลังตึกกระจุยเข้าโรงเจ ห่างออกสักประมาณ 100 เมตร ประตูห้างDepartment แตกร้าวค่าระเบิดนี่กี่แสนไม่รู้ค่าเสียหายอีก สองแสนอะตอนนั้นไหว้คนเป็น ส.ส เลย จำได้พี่เอมี่เดินเข้าไปบอกให้ทีมงานไปช่วยทำอาหารเจเพราะเขากำลังกินเจอยู่พวกเศษขยะต่างๆ ปลิวไปหาเขาหมดเลยพวกคนแก่ๆ เขาน่าสงสารอะ พี่เอมี่ก็เกนคนไปช่วยทำกับข้าวใช้คืนเขาน่ากลัวมากไม่ชอบเลย ฝั่งพี่อ๊อฟบอกแล้วว่าไอ้ยอร์ชเดี๋ยวมานะ คือบอกให้เขาเอาออกแล้วเขาบอกไม่เป็นไรฟุบเดียวไม่อันตราย น่ากลัว - เห็นมีคนบอกเหมือนกันว่าเป็นฉากอลังการณ์มากมีใครเป็นอะไรไม่คะฉากนี้ ก็ไม่มีใครเป็นอะไรจริงๆ จังหรอกครับแต่มีคนไม่พูดอะไรเลยนิ่งเงียบไปประมาณ 1 ชั่วโมง คือคนอะไม่เป็นไรแต่สิ่งของยับเยิน - พี่ยอร์ชไม่ได้คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนั้นใช่ปะคะ ภาพที่พี่คิดไว้มันหอหมกแต่ภาพที่ออกมามันโอ่งมังกร มันเป็นระเบิดที่ไม่ได้ตูมแล้วมีคนตายแต่เป็นระเบิดที่ใช้ความรุ่นแรงในระดับหนึ่ง - จะสื่อถึงอะไรสำหรับฉากนี้ หรือต้องการความยิ่งใหญ่ ความเท่ ความบู๊ของเรื่องนี้ ฉากนี้มันเป็นข้อต่อของเรื่องคือคนที่กลับใจแล้วและกำลังจะตายเราจะปล่อยให้เขาตายหรือจะให้อภัยเขาแล้วลากเขาออกมา ในหนังเราลากเขาออกมาแล้วบ่อยให้ความชิบหายให้มันระเบิดไปซะแล้วทิ้งมันไว้ด้านหลัง แต่พี่ไม่ได้สื่อให้คนคิดขนาดนั้น แต่พี่กลับคิดว่าให้มันชิบหายไปกับอดีตเถอะแล้วกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ มันไม่ได้เป็นคติที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้หรอกแต่มันเป็นความคิดของนักแสดงในเรื่อง - นอกจากบันเทิงแล้วเรื่องจริงจังขึ้นปะคะ จริงจังๆ ชีวิตของตัวละครในเรื่องจริงจังมาก แต่ละคนเล่นหนังตลกหมดคือเรื่องอะเป็นเรื่องตลก แต่สำหรับคนนะเล่นหนังชีวิตของตัวเองอยู่เราจะได้ดูหนังชีวิต 5-6 ตัว - แต่ไม่กลัวว่าจะเป็นดราม่า มันไม่มีเลย ก็คือว่าเวลามันยอมตายแทนเพื่อนก็คือมันยอมโดนดีดไข่แทนเพื่อน เมื่อเขาบอกว่ามึงบอกมาว่ามันอยู่ไหนกูไม่บอกมันก็จะโดนดีดไข่แทนเพื่อน ถามว่าความเป็นเพื่อนมันยิ่งใหญ่ไม่กูยอมตายแทนเพื่อนโดนเขาดีดไข่แตกตายกูก็ยอม แทนที่จะโดนยิงกะบานตายแต่กลับโดนดีดไข่ ถามว่ามันดราม่าไม่มันดราม่านะยอมตาม เรายอมสูญพันธ์แทนเพื่อนอะ พี่ถึงบอกว่าเออหนังดราม่าก็เป็นอย่างนี้ได้วะ ไอ้โก๊ะปากแหว่งอะเพราะว่าเมื่อก่อนเป็นโจรแต่กลัวตำรวจจับได้เลยโกนเคราเพื่อหนีแต่กลับโดนมีดบาดปากแหว่งเป็นแผลมาจนปัจจุบันนี้ ถามว่าชีวิตมันเศร้ามั้ยก็เศร้านะแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมันเพราะว่ามันดันโกนเคราแล้วโดนบาด พี่ก็เลยคิดว่ามันดราม่าแหละมันเตือนที่เป็นโจรว่าอย่าเป็นโจรเลยเพราะกูก็เคยเป็นมาก็ต้องโกนเคราหนีตำรวจเห็นมั้ยเนี่ย น้ำตากูไหลจนปัจจุบันนี้ถามว่ามันเศร้ามั้ยเศร้านะแต่เวลามันเล่าเราไม่เศร้านะ - ต้องให้จ๋ามาทำอะไรแปลกๆ เป็นนักร้องครับเรื่องนี้เป็นนักร้องเราเอาเพลงพวกดิ้งด่องของอนัน นันวามาคอบเวอร์ใหม่ จ๋าในเรื่องนี้สิ่งที่เขาทำคือนักร้องโดนเบี้ยวโดนเขาด่าพี่เลยจับมาเล่นดราม่าจะแตกต่างกับเรื่อง แสบสนิทฯ แสบสนิทฯ น้องเขาจะสวยใสเป็นชาวบ้าน สวยใสเอาใจช่วยแฟนแต่มีโรคเร้ามารุมล้อม แต่ในเรื่องเขาจะเล่นเป็นผู้หญิงที่อยากโตชีวิตเขาจะเป็นสองด้าน เวลาอยู่ที่ทำงาน ตอนที่เป็นนักร้องเขาจะแต่งตัวสวยทาปากแดงแต่งหน้าจัดเป็นนักร้องอยู่มนฟับ เวลากลับบ้านเขาจะเสื้อไม่ขาว ดำหรือเทา แค่สามสีนี้ เป็นเด็กที่พ่อรู้สึกว่ายังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำจ๋ามาเล่นเรื่องนี้ก็คือดราม่าเลยแหละ - ก็คือมีความน่ารักของเขา ร้องเพลง แต่งตัว อะไรอย่างนี้หรือเปล่าคะ มีครับมีแฟชั่นบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขาคือเขามีส่วนร่วมในการคัดเลือกเสื้อผ้าด้วย เคยเห็นลุกเขาแบบหนึ่งแล้วรู้สึกว่าเออเขาเป็นแบบเก๋ๆ ในหนังเรื่องนี้ได้เลยทำให้ตัวละครเรื่องนี้เป็นตัวที่เก๋ในยุคปัจจุบันขัดแย้งกับพวกที่เป็นแบบเก่าที่แต่งตัวที่คิดว่าเก๋อย่างพี่นุ้ย ที่แต่งเป็นสีๆในยุคของจอร์น ใบเล่ อะไรอย่างนี้ - อย่างโจ๊กทำไมถึงเลือกโจ๊กเพราะคนมองว่าเขาเป็นคนติ้ด เลือกเพราะอย่างนั้นแหละครับพี่รู้สึกว่าคนนิสัยอย่างนี้มาอยู่ในหนังตลกแล้วมันแปลกๆ เป็นนวัตกรรมใหม่ที่คนอย่างส่ายหน้าจะได้เจอคนแบบนี้ จริงๆ แล้วในเรื่องพี่อยากให้จิ๊กโก๊โดนแก็งค์ส่ายหน้าตบกะบานอะ เออแบบว่าเออมึงแนวใช่มั้ยมึงจะแนวไปไหนมึงหยุดแนวได้มั้ย พี่ให้คนคนหนึ่งในหนังท้าต่อยกับมันแต่มันก็ไม่สู้ คือพี่เพชรดาราฉายซึ่งเป็นคนที่แก่แล้วเป็นคนขายบัวลอยคนหนึ่งแล้วก็ท้ามันต่อยหลังวัดแต่มันก็ไม่เอา - การร่วมงานทั้งหมดมันกลมกลืนมั้ย มีหลายๆ ส่วนเหมือนกันที่ทีแรกยังไม่ตรงกัน คล้ายๆ ทุกเรื่องเลยแบบว่าเริ่มต้นยังไม่เข้ากันไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากคิวที่สามไปแล้วก็เริ่มเข้ากันได้ดี เพราะคิวที่หนึ่งเรายังไม่ถ่ายอะไรมาก คิวที่สองเริ่มคุยกันแล้ว คิวที่สามก็กลมกลืนแล้ว จำได้ว่าคิวที่สามที่โจ๊กไปเจอกับพวกพี่ค่อมก็เอาไม่อยู่แล้วและก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเหมือนกัน - มีตอนที่หยอกให้ขำเหมือนตอนหยอกแดนให้ขำ มีครับแต่ส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่มีไอ้เซนอยู่อะ เวลาไอ้เซนอยู่แล้วคนจะเอาไม่อยู่อะเพราะว่ามันพูดอไรก็ไม่รู้อะทั้งหน้ากล้องหลังกล้องแต่ว่าตอนตัดนี่อาจจะเห็นบ้างไม่เห็นบ้างก็คงมีหลุดอะ - ฝากถึงหนัง ก็อยากให้ดูหนังตลกที่ตั้งใจทำ ใช้ส่วนหลายๆ ส่วนมากคืออยากให้คนหลายๆ คนด้วนอะแบบว่าพี่ตอนที่ถ่ายเบื้องหลังพี่ขอให้นักแสดงเนี่ยนั่งคู่กับทีมงานเลยนะไม่ใช่ผู้กำกับนะ สไตลิตก็นั่งคู่กับจ๋าว่าอยากได้เสื้อผ้าแบบไหน เอ็ฟเฟ็กการทำแผลเป็นที่ปากของโก๊ะก็ไปคุยกับโก๊ะเลย กล้องก็นักแสดงคุยกับตากล้อง พี่อยากให้รู้สึกว่าไม่ต้องพูดถึงหน้าหนังว่าเออไปดูเถอะเราเป็นหนังตลกอย่างนี้ดีนะ เราพูดกันถึงว่าความตั้งใจของเขา เขาในที่นี้ก็คือนักแสดงที่ผูกพันกับทีมงานที่ซิงค์กับทีมงาน เออกล้องเขาทั้งใจให้เป็นอย่างนี้นะ เสื้อผ้าจะเป็นอย่างนี้นะเพื่อว่าอย่างนี้ชู้ถึงบทอันนี้เขาบอกเลยว่าเขาคิดอย่างนี้ แล้วพี่ก็เป็นคนดูภาพรวม ก็เลยอยากให้รู้สึกว่ามาช่วยกันดูหลายๆ คนที่เขาตั้งใจทำหนังมากๆ อย่าคิดว่าหนังตลกก็ต้องเป็นอย่างนี้เพราะง่ายตังค์ หนังตลกหลายเรื่องทุกคนเขาตั้งใจมากๆ มีบางอย่างที่บอกว่าเขาตั้งใจจริงถ้าดูเพลินๆ กันสักรอบหนึ่งแล้วก็กลับมาดูอีกทีหนึ่งว่าสิ่งที่บอกว่าตั้งใจทำอะจริงหรือเปล่าก็จะดีใจเป็นสองเท่ามากๆ เลยว่าเออวะทำวะคนนี้แม่งใส่เสื้อสีนี้ตลอดเลยเปลี่ยนแค่ลาย ไอ้นี่มันมีแผลเป็นเพราะอย่างนี้วะ ไอ้นี่พกปืนแค่ก็ไม่เคยยิงเลย ไอ้นี่มันซื้อผลไม้ให้ไอ้นี่เพื่ออะไรมันแฝงอะไรอยู่ ถ้าเกิดดูรอบแรกคุณไม่ได้สังเกตุเลยนะแต่ถ้าเกิดดูรอบสองคุณจะรู้หมดเลย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ