กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--พับบลิค ฮิต
เพราะบุคคลที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ในรัชกาลต่างๆ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึง 5 ในราชวงศ์จักรี ล้วนแล้วแต่ทำคุณประโยชน์ให้กับผืนแผ่นดินไทยของเราสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการ เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2549 บริษัท มีเดีย เอ็กซ์เพอร์ทีส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย นิตยสาร Prestige (Thailand) นิตยสารแนวไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจของบุคคลจากหลากหลายวงการในสังคมไทย
จึงได้จัดทำหนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” (เรื่องเล่าจากหกสิบราชสกุล) ขึ้น ด้วยการคัดสรรบุคคลผู้สืบเชื้อสายจากรัชกาลต่างๆ จาก 60 ราชสกุล 62 ครอบครัว อาทิ ชุมสาย ณ อยุธยา , ชุมพล , จักรพันธุ์ , ยุคล ,เทวกุล , เกษมสันต์ , กิติยากร, ดิศกุล, กฤดากร และสวัสดิวัตน์ เป็นต้น เพื่อมาถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมา และเกร็ดความรู้ของราชสกุลนั้นๆ ในรูปแบบร่วมสมัยทั้งบทความและ การถ่ายภาพ รวมถึงเผยเกร็ดประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคม รวมถึงโครงการอนุรักษ์ ทำนุบำรุง และสืบทอดสิ่งที่ต้นราชสกุลได้สร้างสรรค์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมในมูลนิธิต่างๆเพื่อบำรุงวัดวาอาราม ไปจนถึงศิลปะแขนงต่างๆ ตามความสนใจและความถนัดเชี่ยวชาญของแต่ละราชสกุล
โดย ดร.ฐิติกร ธีรพัฒนวงศ์ ประธานบริหาร บริษัท มีเดีย เอ็กซ์เพอร์ทีส อินเตอร์ เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” ไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ณ บ้านน้อย โรงแรมโอเรียนเต็ล
บรรยากาศภายในงานคราคร่ำไปด้วยผู้สืบเชื้อสายราชสกุลต่างๆ ทั้งผู้ที่มีบทสัมภาษณ์ในหนังสือเล่มดังกล่าว อาทิ ม.จ.หญิง ประภาพันธุ์ ภานุพันธุ์ ม.ร.ว.มาลินี จักรพันธุ์ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ม.ร.ว.รุจยาลักษณ์ อาภากร, ม.ล. รดีเทพ เทวกุล บุรณศิริ, ม.ล.จักรรถ จิตรพงศ์, ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่, ม.ล.ฉลาดนัดดา กมลาสน์, วิษุวัต สุริยกุล ณ อยุธยา, ม.ล.พูนแสง ลดาวัลย์, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ บุรุษรัตนพันธุ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ประพิณพร - กนกพรรณ เหตระกูล, สรัญทร เตชะไพบูลย์, ชัยยศ - บัณพร เอี่ยมอมรพันธ์, สิริยส เทพหัสดิน ณ อยุธยา, วสุ แสงสิงแก้ว ฯลฯ
ภายในงานเรายังได้พบกับนิทรรศการภาพถ่ายของ 60 ราชสกุล จากฝีมือถ่ายภาพของ ธนัตถ์ สิงหสุวิช ช่างภาพระดับแนวหน้าของเมืองไทย ผู้มากด้วยประสบการณ์ ซึ่งภาพดังกล่าวได้ถูกนำมาตีพิมพ์อยู่ภายในหนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” อย่างสวยงาม สร้างความสนใจให้กับเหล่าราชสกุลและแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ดร. ฐิติกร ธีรพัฒนวงศ์ ประธานบริหาร บริษัท มีเดีย เอ็กซ์เพอร์ทีส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการจัดพิมพ์หนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” ว่าหนังสือเล่มนี้ใช้เวลาในการทำเกือบ 2 ปี ตั้งแต่การรวบรวมหาข้อมูลของบุคคลใน60 ราชสกุล การสัมภาษณ์ การถ่ายภาพ และการจัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อให้หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือ อันทรงคุณค่าของผู้สืบเชื้อสายราชสกุล ทั้งยังเป็นความรู้ด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคมให้กับบุคคลทั่วไปได้ศึกษาด้วย
“กว่าหนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์ออกมา เรียกว่าเป็นงานที่ยากมาก หลักๆ คือทีมงานที่ทำหนังสือเล่มพิเศษนี้ เป็นทีมงานในกองบรรณาธิการนิตยสาร Prestige (Thailand) เพราะนอกจากที่ทุกคนจะต้องทำนิตยสาร Prestige (Thailand) ซึ่งเป็นงานประจำแล้ว ก็ยังต้องแบ่งเวลาเพื่อสัมภาษณ์บุคคลที่คัดเลือกมาในหนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” ด้วย ซึ่งทีมงานที่ทำงานก็น่ารักทุกคน ใช้ความพยายามของตัวเองอย่างสุดความสามารถในการทำเล่มนี้กันจริงๆ
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงใช้เวลาในการทำค่อนข้างนานพอสมควร ที่สำคัญราชสกุลบางคนก็ค่อนข้างเก็บตัวไม่อยากเปิดตัวเองต่อสาธารณชน ดังนั้นจึงเป็นการยากที่เราจะติดต่อเลือกใครมาเป็นตัวแทนของราชสกุลนั้นๆ ซึ่งการคัดเลือกบุคคลในแต่ละราชสกุล เราจะคัดเลือกบุคคลที่สืบเชื้อสายมาโดยตรงก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งตัวแทนราชสกุลเหล่านี้ก็น่ารักกันทุกคน หากใครไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ก็จะแนะนำบุคคลในราชสกุลตัวเองท่านอื่นๆ ให้เราไปสัมภาษณ์แทนด้วย” ดร.ฐิติกร กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
พร้อมกันนี้ ดร.ฐิติกร ยังกล่าวด้วยว่า หนังสือเล่มนี้จัดทำเป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม เนื่องจากนิตยสาร Prestige (Thailand) เนื้อหาภายในเล่มเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องการให้ชาวต่างชาติที่เลื่อมใสในราชสกุลของไทย ได้มีโอกาสศึกษาประวัติและคุณงามความดีของแต่ละบุคคลสืบไปด้วย
“ตอนแรกที่บอกเพื่อนๆ ชาวต่างชาติว่าจะทำหนังสือเล่มนี้ ก็มีหลายคนให้ความสนใจ อยากที่จะอ่านกันมากๆ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เขาตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย ด้วยความรักและเลื่อมใสในสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา เขาก็อยากที่จะศึกษาและเรียนรู้เรื่องราวในอดีตเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน
หนังสือเล่มนี้จัดว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ไทยอีกเล่มหนึ่ง ที่ได้รับการถ่ายทอดประวัติศาสตร์จากบุคคลในเชื้อสายราชสกุลตัวจริง ซึ่งไม่สามารถศึกษาประวัติศาสตร์เหล่านี้ได้จากในห้องเรียน และข้อมูลเหล่านี้รับรองได้ว่าไม่มีการบิดเบือนอย่างแน่นอน หลายคนอาจจะคิดว่าหนังสือที่สัมภาษณ์แบบนี้ อาจจะดูหนักจนเกินไป แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้เน้นเพียงประวัติในอดีตของแต่ละบุคคลเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลลงไปด้วย ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังเน้นภาพถ่ายที่สวยงาม ซึ่งบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์และบุคลิกของแต่ละบุคคลด้วย” ดร.ฐิติกร กล่าว
และเป็นที่รู้กันว่า ภาพสวยๆ ในหนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” มาจากฝีมือการถ่ายภาพของ "โอ" ธนัตถ์ สิงหสุวิช ช่างภาพแถวหน้าของเมืองไทย ด้วยภาพที่เขาลั่นชัตเตอร์แต่ละภาพ ต่างแสดงถึงคาแรกเตอร์ของบุคคลในภาพได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณข้อมูลที่นิตยสาร Prestige (Thailand) ให้กับเขามาในเบื้องต้น เพราะข้อมูลที่ให้มานั้นมีความแม่นยำมาก ทำให้เขาสามารถหาคาแรกเตอร์ของราชสกุลแต่ละคนได้อย่างง่ายดาย
"ถ้าสังเกตภาพในหนังสือเล่มนี้ แต่ผมจะพยายามถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของแต่ละคนออกมา อย่างบางคนชอบสะสมของเก่า ในภาพก็จะมีเขากับของที่เขาชอบอยู่ หรือท่านหนึ่งชอบการแข่งรถ ก็ให้เขาไปถ่ายกับรถแข่งที่เขาชอบ อย่างภาพของ ม.ล.ภูมิใจ ชุมพล ซึ่งชื่นชอบสถาปัตยกรรม ชอบตกแต่งสวน ผมก็ให้ท่านมานั่งอยู่ที่ชานบ้านเห็นสวนและสถาปัตยกรรม อีกรูปก็ให้เขานั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งบนโต๊ะก็จะมีภาพพระที่นั่งวิมานเมฆที่เขาออกแบบ แล้วก็มีต้นบอนไซอยู่ข้างๆ คือ ถ้าเกิดมองรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละคน จะรู้เลยว่าคนไหนชอบอะไร
ภาพทุกภาพผมจะพยายามโมเม้นท์นั่นให้ได้ ซึ่งก่อนที่ผมจะถ่ายภาพผมจะมีไอเดียว่าแต่ละภาพของแต่ละบุคคล จะต้องสื่อออกมาให้ได้ว่าคนคนนั้นมีคาแรกเตอร์เป็นยังไง แล้วระหว่างที่ผมกดชัตเตอร์ผมก็จะพยายามจัดให้ได้อารมณ์นั้น เพื่อให้ภาพเหล่านั้นมีจิตวิญาณมากที่สุด ถามว่ายากหรือเปล่าผมว่าความยากอยู่ที่ทีมงานของ Prestige มากกว่า เพราะกว่าที่เขาจะนัดเวลาทุกท่านให้มาถ่ายภาพได้ ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร ส่วนตัวผมไม่ยากเท่าไร เพราะปกติผมก็ถ่ายภาพบุคคลอยู่แล้ว เพียงแต่ผมต้องศึกษาข้อมูลว่าแต่ละท่านมีอะไรโดดเด่นที่จะนำมาถ่ายทอดเป็นภาพนิ่งได้บ้าง"
เพราะถ่ายภาพบุคคลในราชสกุลมากกว่า 60 คน จึงอดไม่ได้ที่จะถามถึงภาพประทับใจ ซึ่งโอ- ธนัตถ์เล่าว่า จริงๆ แล้วก็ประทับใจกับทุกภาพที่ถ่ายออกมา แต่ที่ประทับใจมากที่สุด เห็นจะเป็นภาพของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เพราะขณะที่ถ่ายภาพนั้น พระองค์กำลังทรงตัดต่อภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรอยู่ จึงได้อารมณ์ในการทำงานภายในรถเทลเลอร์ของพระองค์มา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่พระองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพ
"อย่างภาพของ ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ ผมก็ประทับใจมาก เพราะท่านอนุญาติให้ผมเข้าไปถ่ายในห้องนอนของท่าน แล้วชุดที่ท่านใส่ถ่ายก็เป็นชุดที่ท่านใส่เป็นประจำ แล้วมุมโต๊ะทำงานนั้นก็เป็นมุมที่ท่านเขียนหนังสือทุกวัน แล้วท่านไม่ได้แต่งหน้าด้วยตอนที่ผมถ่าย เพราะอยากจะให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่วนหลักการถ่ายภาพนั้น ยังคงยึดหลักองค์ประกอบของภาพปกติ เพียงแต่อาจจะจัดแสงให้ตกกระทบที่แบบ เพื่อจะได้ดึงแบบให้ลอยออกมาจากพื้นหลัง เวลามองจึงเหมือนตัวบุคคลลอยออกมาจากแบ็คกราวด์" ธนัตถ์ กล่าว
ด้าน ม.ล.ฉลาดนัดดา กมลาสน์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ปัจจุบันทำธุรกิจขนมหวาน Home Made ภายใต้แบรนด์ “ฉลาดนัดดา” กล่าวว่า ทุกครั้งที่นึกถึงบรรพบุรุษของตัวเอง ก็จะนึกถึงคำบอกเล่าของคุณพ่อ (ม.ร.ว.เลอกมล กมลาสน์) ที่มักจะเล่าเรื่องราวในอดีตของท่านปู่ (ม.จ.ฉลาดลพเลอสรรพ์ กมลาสน์) ให้ฟังแทบทุกครั้ง และจะรู้สึกภาคภูมิใจกับราชสกุลของตัวเอง ที่มีโอกาสได้รับใช้ผืนแผ่นดินไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะท่านทวด (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร) ที่ทรงรับราชการใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 100 ปี พ.ศ. 2425 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร ทรงรับหน้าที่ซ่อมปรับปรุงเครื่องประดับประดา เครื่องศิลา กระถางต้นไม้ ประดับพระอารามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
“ส่วนตัวแล้วจะภูมิใจในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตของพระญาติตั้งแต่ต้นราชสกุลมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ได้ฟังมาจากคำบอกเล่าของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อจะบอกเสมอว่า จะทำอะไรก็ได้แต่ขออย่างเดียวอย่าคดโกงใคร อย่าทำตัวไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งคำนี้คุณพ่อจะเคร่งเครียดและพร่ำสอนมาตลอด คุณพ่อจะบอกเสมอว่าถึงเราจะจนยังไงเราก็จะไม่มีวันคดโกงใคร คำนี้จึงคอยเตือนใจเราเสมอมา ไม่ว่าจะคิดทำกิจการงานอะไรก็ตาม แม้ว่าเราจะมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในราชสกุล ที่หลายคนมักจะอำนวยความสะดวกให้เราอยู่เสมอ อย่างเวลาติดต่อราชการถ้าทำแบบนี้จะเร็วกว่าคนอื่นๆ แต่พอเราคิดถึงคำสอนของคุณพ่อก็จะไม่กล้าทำ เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้คนอื่นเดือดร้อน” ม.ล.ฉลาดนัดดา กล่าว
ตอนนี้เธอจะมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง และไม่ได้ทำงานรับราชการเหมือนคนอื่นๆ แต่ถ้าเมื่อไรที่มีโอกาสได้ทำงานการกุศล สนองเบื้องพระยุคลบาท เธอจะทุ่มเทให้กับการทำงานนั้นอย่างเต็มที่เฉกเช่นธุรกิจส่วนตัวของเธอเลยทีเดียว
ส่วน ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่าสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ส่วนตัวโตที่ต่างประเทศมาโดยตลอด เพิ่งจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักเรื่องราชสกุลของตัวเองและราชสกุลอื่นๆ รวมถึงญาติๆ เมื่อไม่นานมานี้ แต่ในอดีตที่ผ่านมาคุณพ่อจะสอนและอธิบายให้ฟังอยู่เสมอว่า เรามาจากไหน ราชสกุลของเราเคยทำประโยชน์อะไรให้กับแผ่นดินบ้าง จึงทำให้เขาภาคภูมิใจกับราชสกุลของตัวเองทุกครั้ง
“สิ่งที่คุณพ่อสอนแล้วผมจำมาจนทุกวันนี้ คือ เรื่องของการประพฤติปฏิบัติตัวว่าควรจะทำตัวอย่างไรในสังคมไทย ถึงแม้ผมจะอยู่ที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณพ่อก็จะบอกเสมอว่าบรรพบุรุษของเรามาจากราชวงศ์ ที่ทำงานรับใช้สังคมมาโดยตลอด ดังนั้นเราจึงมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ทุกวันนี้ผมก็ทำงานรับราชการที่ต้องเสียสละเพื่อประเทศชาติอยู่แล้ว ผมจะพยายามวางตัวให้เหมาะสม เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับข้าราชการรุ่นใหม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม
ปีนี้เป็นปีที่ 19 แล้วที่ผมรับราชการมา สมัยนี้พ่อแม่หลายคนไม่นิยมให้ลูกรับราชการเหมือนเมื่อก่อน อาจจะด้วยภาพพจน์หรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับผมแล้วผมเชื่อว่าข้าราชการมีบทบาทสำคัญที่จะรับใช้ประเทศชาติและประชาชน ทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือเอกชน สิ่งสำคัญไม่ว่าจะทำอะไร ต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมก่อนเป็นอันดับแรก ประเทศของเราจะอยู่ได้ด้วยความเจริญต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐาน ถึงจะทำให้ประเทศมีความสุขความเจริญได้” ม.ล.คฑาทอง ชี้แนะ
ด้าน ม.ล.รดีเทพ เทวกุล บุรณศิริ ผู้สืบเชื้อสายมาจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ด้วยเสด็จทวด คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 42 ในจำนวน 82 พระองค์ ปัจจุบัน ม.ล.รดีเทพ มีธุรกิจส่วนตัว Achara Chawee property กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจกับราชสกุลของตัวเองโดยตลอด เพราะ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา เทวะวงศ์วโรปการ ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ถึงสองสมัยในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 อีกทั้งนับถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งการทูตด้วย
“ตั้งแต่ต้นราชสกุลมาแล้ว ได้มีโอกาสรับใช้ชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด จนมาถึงรุ่นคุณพ่อ (ม.ร.ว.เทพกมล เทวกุล) ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี นับจากเสด็จปู่ (ม.จ.วงศานุวัตน์ เทวกุล) จนมาถึงคุณพ่อแล้วก็ไม่มีใครได้ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศอีกเลย เนื่องจากเป็นลูกผู้หญิงกันหมด แต่ตอนนี้มีลูกชายก็หวังที่จะให้เขาได้ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศด้วยเหมือนกัน
สำหรับหนังสือเล่มนี้จะทำให้เราได้รู้ประวัติของผู้ใหญ่ในราชสกุลอื่นๆ ที่บางครั้งเราออกงานก็เห็นคุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่ไม่ทราบว่ามาจากสายไหน ญาติเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะราชสกุลเทวกุลก็มีอยู่เยอะมาก หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ดีที่ควรจะซื้อเก็บเอาไว้ รูปประกอบภายในหนังสือก็สวยด้วย คนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในราชสกุล พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว จะได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของราชสกุลต่างๆ คุณประโยชน์ของบรพบุรุษที่ได้ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติของเราเอาไว้อย่างไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้นำแบบอย่างของทุกๆ ท่านมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา เพื่อทำให้ประเทศชาติของเราเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีแต่ประวัติของบุคคลเดียวอย่างเดียว แต่ยังมีมุมมองในการใช้ชีวิตของแต่ละคนสอดแทรกอยู่ด้วย” ม.ล.รดีเทพ กล่าว
ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ บุรุษรัตนพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสังคม สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจคูณสองเท่าที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้เกิดเป็นคนในราชวงศ์ เพราะบรรพบุรุษของเธอ ได้บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับอาณาประชาราษฎ์มาโดยตลอด ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เธอยึดหลักมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ด้อยโอกาส เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้น สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง และทำประโยชน์ให้กับสังคมได้
“เนื่องจากเราเกิดมาเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่น เราสามารถสืบไปถึงบรรพบุรุษของเราได้ว่าเป็นใคร ดังนั้นไม่ว่าเราจะทำอะไร ควรจะคำนึงถึงบรรพบุรุษของเราด้วย คนอื่นอาจจะยกย่องเราก็อย่าได้ทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น เราลูกหลานราชสกุลทุกคนควรจะเป็นแบบอย่างที่ดี ช่วยเหลือบ้านเมืองที่บรรพบุรุษของเราสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นการตอบแทนแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ อย่างตอนนี้ก็ทำงานเพื่อสังคม นับเป็นความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถามว่าเราได้รับผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหนจากการทำงานตรงนี้ เราไม่ได้นึกถึงตรงนั้นเพียงแต่เรามีความสุขกับการเป็นผู้เลือกที่จะให้มากกว่า
อย่างหนังสือเล่มนี้ต้องชื่นชมทีมงานที่ทำทุกคน เพราะเขาใช้เทคนิคในการถ่ายภาพ การผลิตหนังสือที่ดีมาก รวมไปถึงเนื้อหาภายในเล่มที่เขียนออกมาแล้ว ทำให้คนอ่านรู้สึกภูมิใจกับบุคคลเหล่านั้นไปด้วย บรรณาธิการหนังสือเขาพยายามแสดงให้เห็นว่าแต่ละราชสกุลได้ทำอะไรให้กับประเทศของเราบ้าง ส่วนตัวแล้วในนามของราชสกุล รู้สึกดีใจที่สิ่งเหล่านี้ได้รับการเผยแพร่ให้คนอื่นได้รับรู้ เพราะทุกวันนี้ ราชสกุลมักจะมีแต่ข่าวในเชิงลบออกมาอยู่เป็นประจำ แต่ถ้าหนังสือเล่มนี้ถูกเผยแพร่ออกไปน่าจะมีคนมองราชสกุลในเชิงบวกมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ลูกหลานของเราไม่เคยรู้จักมาก่อน จะทำให้พวกเขามีความภาคภูมิใจในราชสกุลของตัวเองมากขึ้น แล้วเนื้อหาภายในเล่มที่เป็นการรวมพระญาติ ยิ่งทำให้เรารู้สึกอบอุ่นมากขึ้นด้วย” ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับหนังสือ “60 Stories of Royal Lineage” จัดทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ในรูปแบบของ บทสัมภาษณ์ พร้อมภาพถ่ายประกอบโดยฝีมือของคุณธนัตถ์ สิงหสุวิช ควรค่าต่อการเก็บเป็นที่ระลึกหรือมอบเป็นของขวัญ ด้วยการจัดทำปกแข็งหุ้มด้วยผ้าสีน้ำตาล พิมพ์ทองอย่างดี (coffee table book) กระดาษด้านในเป็นกระดาษปอนด์มันสวยงาม จำนวน 216 หน้า จัดพิมพ์ครั้งแรก จำนวน 10,000 เล่ม ในราคาเล่มละ 999 บาท ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อได้ที่บริษัท มีเดีย เอ็กซ์เพอร์ทีส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เบอร์ 02 391 9595
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
เพียงเพ็ญ พรายแสง 081 8608225
อังคณา อรรจนานันท์ 085 325 4774
นิธิวรรณ ฟักสุวรรณ์ 085 127 7272
บริษัท พับบลิค ฮิต จำกัด โทร. 02 2525699
แฟกซ์. 02 2525698