กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--ปตท.
ปตท. ร่วมมาเลเซียพัฒนาตลาดคอนเดนเสททั้งหมดที่ผลิตได้จากแหล่ง JDA ป้อนโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมีในทั้ง 2 ประเทศ ลดการนำเข้าน้ำมันดิบสอดคล้องนโยบายรัฐให้มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายสุรงค์ บูลกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ปตท. ได้ลงนามในสัญญา Joint Marketing Agreement กับ บริษัท Petronas Trading Corporation SDN BHD (PETCO) เพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรจากแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วม ไทย — มาเลเซีย หรือ Joint Developing Area (JDA) block A-18 ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนอกเหนือจากการพัฒนาก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ ทั้งนี้ ปตท. และ PETCO (Petronas ถือหุ้น 100%) ได้ตกลงร่วมกันที่จะทำการตลาดคอนเดนเสทจากแหล่ง JDA ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้ผลิตประกอบด้วย องค์กรร่วม ไทย - มาเลเซีย (MTJA) บริษัท Amerada HESS และ บริษัท Petronas Carigali ได้เริ่มผลิตคอนเดนเสทชื่อ Cakarawala จากแหล่งดังกล่าวตั้งแต่ต้นปี 2548 โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 3—5 พันบาร์เรลต่อวัน รวมมูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8-10 พันบาร์เรลต่อวันในปี 2550
นายสุรงค์ กล่าวว่า คอนเดนเสทจากแหล่ง JDA สามารถใช้ในโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมีได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันดิบและคอนเดนเสทของประเทศไทยที่สูงขึ้น ทำให้การจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งดังกล่าวสร้างความได้เปรียบเมื่อเปรียบเทียบกับการนำเข้าจากภูมิภาคอื่น และยังช่วยลดการขาดดุลจากการนำเข้าของประเทศตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย โดยที่ผ่านมา ปตท.และ PETCO ได้เริ่มขายคอนเดนเสทจากแหล่งดังกล่าวแล้วกว่า 1 ล้านบาร์เรล มูลค่าประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่ง ปตท. ได้นำคอนเดนเสทบางส่วนมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยแล้ว
แหล่งพื้นที่พัฒนาร่วม ไทย — มาเลเซีย หรือ Joint Developing Area (JDA) เป็นพื้นที่สัมปทานร่วมประเทศไทยและมาเลเซีย โดย ปตท. และ Petronas บริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซียได้ตกลงซื้อขายก๊าซฯ และนำก๊าซฯ ทั้งหมดมาใช้ในทั้ง 2 ประเทศตั้งแต่ปี 2542 ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 390 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและจะเพิ่มขึ้นเป็น 790 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2550
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2537-2159, 0-2537-2163--จบ--