กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์ต้อนรับศักราชใหม่กับ “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง” หนังตลกฟอร์มยักษ์ที่ 2 เสี่ย เสี่ยเจียงแห่งสหมงคลฟิล์ม ลงขัน 50:50 กับเสี่ยตา ปัญญา แห่งเวิร์คพอยท์กะหวังลบสถิติรายได้ “หลวงพี่เท่ง” เลยทีเดียว เพราะงานนี้นอกจากทั้ง 2 เสี่ยจะทุ่มหมดหน้าตักด้วยการจ้าง 2 ใน 3 นักแสดงตลกชื่อดังแห่งยุคจากแก๊งค์ 3 ช่า(ขาดพี่หม่ำคนเดียวเพราะมีหนังบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 ถ่ายทำอยู่ในขณะนี้) ประมาณว่าดึงตลกเบอร์ต้นๆของประเทศอย่างโหน่งเท่งมากระแทกต่อมฮาร่วมกันบนจอเงินเป็นครั้งแรก แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ คือ คนดูจะได้เห็นโหน่งเท่งเป็นนักเลงประจำบางกอกในบรรยากาศย้อนยุคในปีพุทธศักราช ๒๔๖๖ หรือเมื่อ ๘๐ ปีที่แล้ว จึงเป็นที่มาของการจับโหน่งกับเท่งมาแปลงโฉมใหม่อย่างที่ไม่เคยเห็นเป็นมาก่อน
“ในหนังเรื่องโหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง เนี่ยจะว่าไปแล้วก็เป็นหนังที่เน้นอารมณ์ตลก สนุกสนานเลยนะครับ แต่ที่แปลกตาแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นกันก็คือผู้กำกับเขาจับเราสองคนมาแต่งองค์ทรงเครื่อง ไว้เผ้าไว้ผมแบบนี้(ชี้ไปที่หัว) ซึ่งเกิดมาผมเองก็ไม่เคยไว้มาก่อน ก็ต้องให้น้องช่างผมเขาจับกล้อนไถรอบหัว เหลือน่อยเดียวกลางหัวเนี่ยะ เขาเรียกทรงอะไรนะมหาดไทย ก็เพราะว่าหนังเรื่องนี้เดินเรื่องในบรรยากาศย้อนยุคครับบางกอกหรือกรุงเทพเมื่อโน่นเลยปีพ.ศ.๒๔๖๖”
เท่ง เถิดเทิง เล่าให้เราฟังไปพลางระหว่างที่ความคมของมีดบัตตาเลี่ยนขนาดเบอร์ ๑ (ซึ่งเป็นที่รู้กันในบรรดาช่างผมว่าขนาดนี้เอาไว้ตัดผมทรงที่สั้นที่สุดชนิดติดหนังหัวหรือทรงทหารเกณฑ์ที่เราคุ้นตากัน)กำลังทำหน้าที่ของมันด้วยความตั้งใจที่จะเอาเส้นผมที่ยาวทะลุหนังศรีษะของเท่ง เถิดเทิงออกมาให้หมดโดยฝีมือช่างผมสาวสุดสวยประจำกองที่พยายามกลั้นอารมณ์ขันจากการปล่อยมุขเรี่ยราดของตลกมืออาชีพที่ไม่เคยปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่า ไม่เช่นนั้นอาจจะมีการฝากรอยรักผ่านคมมีดบัตตาเลี่ยนได้
“อย่างพี่เท่งต้องกล้อนผมออก แต่ทรงผมของโหน่งนี่กลับตาลปัตรไปหมด เพราของโหน่งต้องไว้ผมให้ยาวจริง ๆเลย เนี่ยนะกว่าจะเห็นยาวได้แค่เนี่ยะ (ชี้ไปที่หัว) จากทุกทีเห็นเป็นหัวโล้น ๆ โหน่งต้องไว้จริงๆ เกือบ 2 ปีได้ ก็คือจริงๆ ถ้าเกิดไม่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ อยู่ๆมาให้โหน่งไว้ โหน่งไม่ไว้เลยนะ ผมทรงเนี่ย ถือว่าไว้เพราะหนังเลยนะ” และแน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่ทรงผมเท่านั้นที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ โหน่ง เท่งแห่งแก๊งค์สามช่าให้เปลี่ยนไปจากที่คุ้นตากัน
“ใช่ครับอย่างเสื้อผ้าที่เห็นเรา 2 คนแต่ง ก็เพราะว่าคนสมัยก่อนเขาใส่กันอย่างนี้ ง่ายๆ ไม่พิถีพิถัน ไม่มีกางเกงยีนส์ ไม่มีการใส่ให้เห็นขอบกางเกงใน(ว่าไปนั่น) โผล่มาเหมือนแฟชั่นยุคนี้ เป็นไงหละมุขของโหน่งเขา แต่มีหรือที่พี่เท่งในฐานะรุ่นเก๋ากว่าจะยอม
“เพราะฉะนั้นเพื่อความสมจริง เวลาถ่ายทำเราทั้ง 2 คนก็จะไม่ใส่กางเกงในในระหว่างการถ่ายทำ”(หัวเราะ) ไม่งั้นจะเห็นขอบกางเกงใน เราต้องถอดออกหมดเลย แลนี่ก็เป็นกางเกงขาก๊วย” มีหรือที่เท่ง เถิดเทิงจะยอมศิษย์น้องแห่งแก๊งค์ 3 ช่า
เพราะงานนี้ทั้งน้องโหน่งและพี่เท่ง ต้องสลัดบุคลิกอย่างที่เราชินตากันไปเพื่อสวมบทเป็น เสือน้อยโหน่งลูกหลานพระยา และนายบุญเท่ง ยอดยี่เกหนุ่มขวัญใจแม่ยก แห่งภูเขาทอง ร่วมมือร่วมใจกันทำตัวเกะกะระราน “ฝรั่งมังคา” ที่ริอาจยกกองข้ามน้ำข้ามทะเลมาถ่ายทำหนังใหญ่เรื่องแรกในถิ่นบางกอก แล้วงานนี้พระเอกยี่เกและลูกหลานพระยามีหรือจะยอม ปฏิบัติการฮาแบบไม่บันบันยะบันยังจึงต้องเกิดขึ้น แหมฟังพลอตแล้วแค่นึกถึงหน้าตาเสือน้อยโหน่งและพ่อบุญเท่งในมาด 2 นักเลงแห่งภูเขาทองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงประโยคเด็ดประจำตัวของ “หม่ำ จ๊กมก”ที่ว่า “ปล่อยมุขเรี่ยราดยังงี้ มีหรือที่จะไม่ฮากันอุดจาระแ_ก อุดจาระแ_น”
ถ้ารักกันจริงต้องรอกันหน่อย อีกนิดเดียวแล้วรับรองไม่นานเกินรอ โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง 9 มีนาคมนี้ระเบิดความฮากันแน่ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--