กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ภาพยนตร์เรื่อง Red Cliff ได้มีการใช้ผู้กำกับภาพสองคน คนแรกก็คือ หลูยู่ ที่เคยกำกับภาพให้กับยอดฝีมือผู้กำกับ จางอี้โหมว มาแล้วในเรื่อง Keep Cool และ Shanghai Triad ซึ่งทำให้เขาถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ อีกทั้งยังไปทำงานให้กับภาพยนตร์สุดอื้อฉาวของผู้กำกับ โจแอน เชน เรื่อง Xiu Xiu: The Sent-Down Girl
หลูยู่ ได้พูดถึงความตั้งใจของ จอห์น วู ในการใช้ผู้กำกับภาพสองคนว่า "ผมเข้าใจในสิ่งที่เขามุ่งหมายเอาไว้ คือสิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าพวกเรานั้น มันมีรายละเอียดที่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งการที่มีคนที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ถึงสองคน ก็น่าจะทำให้การถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ มีความสมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"
จางลี่ ผู้กำกับภาพอีกคนหนึ่ง ที่มีผลงานการกำกับภาพให้ภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยม A World Without Thieves ที่นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว ก็ดูจะเห็นด้วยกับเพื่อนร่วมอาชีพ "จอห์น วู เป็นผู้กำกับที่มีจินตนาการที่น่าเหลือเชื่อ โดยในแต่ละฉากนั้น เขาสามารถแจกแจงเอาทุกสิ่งทุกอย่างลงมายังสตอรี่บอร์ด แต่การถ่ายทอดรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดนั้น คุณจำเป็นต้องมีมากกว่าสองตาสองมือ และนั้นก็คือเหตุผลที่ผมเข้ามาทำงานร่วมในโปรเจ็คนี้"
ทีมงานตัดต่อ
ภาพยนตร์เรื่อง Red Cliff มีคนตัดต่อภาพยนตร์ถึงสามคน ซึ่งการใช้คนตัดต่อถึงสามคนนี้ ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายและก็เหมือนการทดลอง เพราะว่าการทำงานของ แองจี้ แลม จากฮ่องกง ที่เคยร่วมงานกับ โจวซิงฉือ ใน Kung Fu Hustle และ CJ7, หยางหงหยู่ จากจีน ที่เคยตัดต่อให้กับภาพยนตร์จากรางวัลหนังเทศกาลเบอร์ลิน เรื่อง Beijing Bicycle และ โรเบิร์ต ฟาเร็ตติ จากอเมริกา ที่มีผลงานการตัดต่อในฮอลลิวู้ดมากว่า 2 ทศวรรษ
จอห์น วู เล่าถึงการตัดสินใจนี้ว่า “พวกเขาทั้งสามเป็นนักตัดต่อภาพยนตร์ที่มีประสบการณ์ พวกเขามีสไตล์ในการตัดต่อที่ต่างกัน ผมว่ามันน่าสนใจที่จะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องเดียวกันถึงสามมุมมอง ซึ่งสุดท้ายแล้วผมก็พยามรวบรวมเอาจุดเด่นของทั้งสามเวอร์ชั่นเข้าด้วยกัน ซึ่งผมก็หวังว่ามันจะทำให้คนดูพบว่ามันดูน่าสนใจเช่นเดียวกับตัวผม"
ผู้ออกแบบงานสร้าง
หนังยังได้การออกแบบงานสร้างโดย ทิม ยิบ ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูง ถึงขนาดได้รับรางวัลออสการ์จาก Crouching Tiger, Hidden Dragon ทิม ก็ยังมีผลงานภาพยนตร์จีนฟอร์มใหญ่อีก 2 เรื่อง ได้แก่ The Promise ของ เฉินข่ายเก๋อ และ The Banquet ของ เฟิงเสี่ยวกัง ซึ่งทั้งสามเรื่องล้วนมีองค์ประกอบที่ต่างกันแบบสุดขั้ว ทั้งเรียบง่ายและโดดเด่น ธรรมดาและหรูหรา
หลังจากปรึกษากับผู้กำกับ ทิม ก็เริ่มงานด้วยการออกแบบฉากสำคัญๆของหนัง ขณะเดียวกันก็ช่วยกัน ศิลปะอันประณีตน่าประทับใจของฉากเหล่านั้นจึงถูกสร้างขึ้น ขณะเดียวกันเขากับทีมงานก็ทำการค้นคว้าอย่างหนักไม่เพียงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและเสื้อผ้า แต่เกี่ยวกับเรือ, อาวุธ และอุปกรณ์ประกอบฉากอื่นๆด้วย สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับเน้นเรื่องรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ว่าต้องถูกต้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทิม เผยว่า “สิ่งที่ยากที่สุดในการทำ Red Cliff ก็คือการสร้างความเป็นเอกภาพในงานศิลป์ มีข้าวของเครื่องใช้ยุคสามก๊กเหลืออยู่น้อยมากในปัจจุบัน และรูปภาพทั้งหมดมาจากนวนิยาย เพราะคนยุคนี้คงไม่มีใครเคยเห็นสงครามทางเรือของจีนยุคโบราณ, เรือรบถูกไฟเผา หรือฉากเรือบรรทุกหุ่นฟาง เพราะฉะนั้นเมื่อฉากเหล่านั้นถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ พวกเขาจึงรู้สึกคุ้นอย่างประหลาด แต่ความจริงแล้ว การถ่ายทำฉากเหล่านี้อย่างใหญ่โตเต็มรูปแบบยังไม่เคยมีมาก่อน”
เขาเล่าต่อว่า “เราปรึกษาผู้เชี่ยวชาญผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์แขนงต่างๆหลายท่าน รวมทั้งเรื่องการก่อสร้าง, การทหาร, ระบบกฎหมาย, อาวุธยุทโธปกรณ์, เครื่องแต่งกาย และวิถีชีวิตของคนยุคนั้น ทั้งชาวบ้านและขุนนาง ผมเองเดินทางไปญี่ปุ่นด้วย เพื่อไปพบผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยุคสามก๊กที่นั่น และพบว่าพวกเขาปรับปรุงข้อมูลใหม่แล้ว และผมพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลิตชุดเกราะและอาวุธโบราณด้วย ซึ่งนั่นช่วยได้เยอะเลย”
ผู้กำกับฉากสงครามบนผืนน้ำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ แพ็ททริค เหลียง ผู้กำกับร่วมจาก Twins Effect 2 มาช่วยสำหรับฉากสงครามบนผืนน้ำ โดยเขาถูกเกณฑ์มาช่วยในการถ่ายทำด้วย ซึ่งงานนี้แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนด้วยกัน ขั้นแรก เขาถ่ายทำสดในสถานที่ถ่ายทำ ส่วนใหญ่เป็นการเก็บภาพเรือถูกไฟเผาและทหารตกน้ำ ขั้นที่สอง เขาและทีมงานสร้างแทงก์น้ำขนาดยักษ์ขึ้นในโรงถ่ายขนาดใหญ่ใกล้ปักกิ่ง ซึ่งทำให้ต้องรื้อเรือออกเป็นชิ้นๆแล้วไปต่อใหม่ที่นั่น เพื่อถ่ายทำฉากเรือชนกันและจม ขณะที่ไฟยังคงลุกลามและการสู้รบยังดำเนินต่อไป จากนั้นก็ถ่ายทำเพิ่มอีกเล็กๆน้อยเพื่อเสริมในส่วนของฉากแอ๊คชั่นสด และสุดท้ายบริษัทวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์อย่าง Orphanage ก็รับหน้าที่ตกแต่งบางฉากให้สมบูรณ์