กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--
เด็กไทยกำลังขาดจิตอาสา การเป็นผู้ให้ และห่างเหินกิจกรรมทางศาสนาอย่างมาก เป็นเหตุให้ เสถียรธรรมสถาน ร่วมกับ แผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน (เด็กพลัส) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานเปิดตัวโครงการ “บ่มเพาะอริยชน บนหนทางอริยะ” ในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. ณ เสถียรธรรมสถาน เพื่อช่วยกันสร้างเสริมและซ่อมแซมต้นทุนชีวิตเด็กไทย ด้วยการสร้างทักษะการเป็นผู้ให้ ให้เกิดกระแสในวงกว้าง โดยลั่นระฆังให้กังวานเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ๒๕๕๒
นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกุมารแพทย์สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยผลการสำรวจต้นทุนชีวิตของเด็กและเยาวชนไทยซึ่งเป็นปัจจัยสร้างให้เด็กสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างเข้มแข็งห่างไกลจากพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งได้สำรวจในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ พบว่า เด็กกลุ่มอายุ ๑๒-๒๕ ปี จากกลุ่มตัวอย่างกว่าสองหมื่นตัวอย่าง ซึ่งสุ่มจาก ๑๘ จังหวัดทั่วประเทศไทย พบว่าต้นทุนชีวิตที่เด็กกำลังเป็นปัญหาอย่างมาก ๕ ลำดับแรก คือ ลำดับที่ ๑ การร่วมบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน หรือจิตอาสา มีเพียงร้อยละ ๓๔.๒ ลำดับที่ ๒ การร่วมกิจกรรมทางศาสนาทุกสัปดาห์ มีโอกาสร้อยละ ๔๓ ลำดับที่ ๓ ความรู้สึกเป็นประโยชน์ต่อชุมชน มีเพียงร้อยละ ๕๑ ลำดับที่ ๔ การทำกิจกรรมนอกหลักสูตร หรือร่วมกิจกรรมของชมรมต่าง ๆ ร้อยละ ๖๐ ลำดับที่ ๕ นิสัยรักการอ่าน มีร้อยละ ๖๖ ซึ่งจากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยห่างไกลจากชุมชนและศาสนามากจนน่าตกใจ รวมทั้งขาดทักษะในการเป็นผู้ให้ ฉะนั้นการซ่อมเสริมต้นทุนชีวิตด้านต่าง ๆ เหล่านี้ ด้วยกิจกรรมจิตอาสา กิจกรรมทางศาสนา และการเปิดโอกาสการเรียนรู้นอกหลักสูตร จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งครอบครัว ชุมชน และภาครัฐ ที่ทำงานด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัวต้องใส่ใจก่อนที่จะเกิดสภาวะภูมิคุมกันบกพร่องทางสังคมซึ่งยากแก่การเยียวยาด้านสังคมยิ่งขึ้น
“แผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชนจึงผนึกกำลังร่วมกับเสถียรธรรมสถานในการเร่งสร้างต้นทุนชีวิต โดยเฉพาะด้านที่กำลังวิกฤตเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสังคม ร่วมกันรณรงค์ให้เกิดกระแสการเป็นผู้ให้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันล้ำค่าของความเป็นอริยชนเลยทีเดียว และถือโอกาสวันเด็กปีนี้ในการลั่นระฆังให้ดัง ๆ เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กไทย” นพ. สุริยเดวกล่าว
เสถียรธรรมสถานและแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก เพื่อสร้างต้นทุนชีวิตให้เด็กอยู่กับโลกอย่างสงบเย็นและเป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งจัดสรรสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้เพื่ออาสารับใช้ผู้อื่นอย่างศานติ
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน ได้นำเสนอบันได ๓ ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ ๑ สุขง่ายใช้น้อย เรียนรู้ที่จะใช้สิ่งที่มี โอกาสที่ได้รับ รู้ประมาณในการบริโภค และขอบคุณโอกาสที่ได้รับ ขั้นที่ ๒ สุขเมื่อสร้าง มิใช่สุขเมื่อเสพ เรียนรู้ที่จะเป็นสุขจากการลงมือทำ สุขที่ได้ทำ ไม่รอว่าสุขเมื่อเสร็จหรือสุขเมื่อเสพ ตระหนักถึงคุณค่าของธรรมชาติและบุคคลต่าง ๆ ที่เกื้อกูลต่อการเติบโตของชีวิตตน ขั้นที่ ๓ สุขเมื่อให้ อาสารับใช้สังคม เรียนรู้ที่จะเป็นสุขเมื่อได้แบ่งปันเวลา พลังงาน ทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่ออาสารับใช้ผู้อื่น ด้วยความเชื่อมั่นว่า ทุกคนให้ได้โดยไม่ต้องรอให้มีมาก เพราะรู้ว่าจิตที่คิดจะให้นั้นเบา จิตที่คิดจะเอานั้นหนัก
ดังนั้นในการนำบันไดทั้ง ๓ ขั้น คือ ก้าวย่างแห่งสติปัญญามาสร้างเป็นต้นทุนชีวิตที่สำคัญสำหรับเด็กอันจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนและสร้างเมล็ดพันธุ์อริยชนเพื่อให้เกิดสังคมอริยะนั้น เสถียรธรรมสถาน แผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน (เด็กพลัส) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้เปิดตัวโครงการนำร่องผ่านวิถีชีวิตต่าง ๆ มากมาย ที่จะจัดขึ้น ณ เสถียรธรรมสถาน ในงานวันเด็กแห่งชาติ ๒๕๕๒ อาทิ การภาวนากับการเริงระบำย่ำดิน โดย Ms. Joy Fox ศิลปินอาสาสมัครจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะมานำเสนอเทคนิคหลากหลายในการสร้างบ้านดิน โดยดินแต่ละก้อนซ่อนเมล็ดพันธุ์ที่เด็กและผู้ใหญ่ใจดีส่งมาให้จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำมาสร้างบ้านดินบนพื้นที่เกือบ ๑,๐๐๐ ตารางวา ซึ่งเป็นสถานที่สร้างสาวิกาสิกขาลัย มหาวิชชาลัยธรรมะเพื่อเยียวยาสังคม สร้างกระแสอริยะเพื่อสังคม
เมล็ดพันธุ์พืชในดินทุกก้อน เปรียบเสมือนเด็กที่รอการบ่มเพาะให้เจริญงอกงาม เติบโตขึ้นเป็นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแก่สังคม
การเป็นอริยชนไม่ใช่สิ่งสุดวิสัย
การสร้างสังคมอริยะไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม
เพราะทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งการตรัสรู้อยู่ในหัวใจ