กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--อาร์เอส
จากกรณีที่ 6 ชนเผ่าร้องภาพยนตร์ “รักจัง” ละเมิดศักดิ์ศรี นำเสนอวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาที่ผิดเพี้ยน ล้อเลียนผ่านสื่อ และการแต่งกายที่ผิด รวมถึงความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง หากสื่อเสนอสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไปอาจส่งผลกระทบกลายเป็นปัญหาระดับชาติ วิถีชีวิตของเขาที่ถูกบิดเบือนจากความจริง เจ้าของวัฒนธรรมพลอยได้รับอิทธิพลจากความผิดพลาด ทำให้เกิดการแบ่งแยก ทำให้ชาวเขาไม่ได้รับสิทธิเหมือนคนไทยทั่วไป
จากกรณีดังกล่าว “นายเหมันต์ เชตมี” ผู้กำกับภาพยนตร์แนวโรแมนติก คอมเมอดี้ เรื่อง “รักจัง” ค่าย อาวอง ได้เปิดใจว่า “ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะภาษาที่ใช้เป็นภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาของชาวเขาเผ่าใดเลย เพียงแต่หยิบวิธีการเล่นแบบ ฝรั่งพูดภาษาไทยกับคนไทย ที่พวกเราเคยได้ยินมา ซึ่งเป็นการเล่นของเรา ก่อนเขียนสคริปก็คิดแล้วว่าเราควรระมัดระวัง และมุขในภาพยนตร์จะไม่ใช่มุขการล้อเลียนเรื่องภาษา ผมจึงระวังทั้งเรื่อง ภาษา ก็ต้องเป็นภาษาไทย แต่สำเนียงอิงไปทางคนพูดไม่ชัดก็เท่านั้นเอง เป็นการพูดแบบไม่มีตัวสะกด และคำพูดที่ใช้ในหนัง ไม่มีคำผวน พูดโต้ตอบกันธรรมดา แต่ตลกด้วยเหตุการณ์,สถานการณ์และพฤติกรรมของเขา ไม่ได้ลามก เป็นธรรมชาติของนักแสดงที่เล่นออกมา”
“ด้านการแต่งกายก็คุยกัน ไม่ใช้ของชนเผ่าใดเลย ถ้าได้เข้าไปชมหนัง รักจัง ก็จะเห็นว่า ผมเจาะจงให้ทั้ง 3 คน อี๊ด-ลาล่า และลูลู่ ตัวละครของเรา จะแยกบ้านมาอยู่กันแบบบ้านเดี่ยวกลางหุบเขา เพียงแต่เราเอาฉากหนึ่งของหมู่บ้านจำลองเป็นตลาด ที่ตัวละครเดินทางมาขายของต่างหมู่บ้าน เครื่องแต่งกายของเราก็ดีไซน์ขึ้นมา ไม่กระทบกระเทือนชาวเขาเผ่าไหนเลย”
“ส่วนที่ว่าเรื่องพิธีกรรม ผมได้ไปรีเสิร์ชจากชาวเขามาจริง พิธีแต่งงานในหนัง ผมก็ไม่ได้ถ่ายพิธีจริง ผมถ่ายงานรื่นเริงหลังแต่งงาน ซึ่งจะมีประโยคหนึ่งที่ ลาล่า พูดในหนังว่า “ไม่มีประเพณีห้ามอยู่กัน 3คน” ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผมไปรีเสิร์ชมาจากชาวเขาหมู่บ้านหนึ่ง ได้ถามเขาว่า แต่งงานทีเดียว 2 คนได้มั้ย ชาวเขาก็บอกมาว่า สมัยก่อนไม่ได้ แต่ปัจจุบันนี้ได้แล้ว แต่ถ้าจะแต่งงานก็ต้องคนละวัน ซึ่งผมได้ไปถามหัวหน้าหมู่บ้านหนึ่งมา เขาก็บอกเราตามประเพณีของเขา”
“ในเรื่องของพิธีล้อมต้นไม้ ผมให้คนเขียนบทสมมติขึ้นมา ในหนังเราเทิดทูนต้นไม้ด้วยซ้ำไป เปรียบต้นไม้เหมือนพ่อแม่เรา ผลิดอกออกผลให้เราได้กินกัน ต้นไม้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ ไม่ให้ทำลาย ซึ่งผมก็งง!เหมือนกันว่า ผมไปทำลายวัฒนธรรมของเขาตรงไหน ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นการสมมติขึ้นในการสร้างหนังเรื่องหนึ่ง และตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีคำพูดไหนเลยระบุว่า อี๊ด-ลาล่า-ลูลู่ เป็นชนเผ่าใด ผมไม่ได้เขียนบทให้พวกเขาเป็นตลกโปกฮา ไม่ใช่ดูโง่ กลับดูเก่งฉลาดด้วยซ้ำไป ซีนที่ ฟิล์ม บาดเจ็บเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนปัจจุบันกลับรักษาไม่ได้ แต่ อี๊ด กลับรักษาได้”
“ตลอดเวลาที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ผมได้ปรึกษาหารือกับหัวหน้าชาวเชาที่โน่นตลอด เราเคารพและให้เกียรติเขาด้วยซ้ำไป ผมเชื่อมั่นถ้าใครได้เข้าไปชมหนัง รักจัง จะชื่นชอบกับวิถีชีวิตแบบเงียบสงบของเขาด้วยซ้ำไป รวมทั้งวิวทิวทัศน์ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ขึ้นอยากจะไปเที่ยวด้วยซ้ำ ผมว่าการออกมาพูดถึงหนังในมุมมองแบบนี้ สำหรับหนังไทย มันทำให้กลายเป็นภาพลบมากกว่า คนดูที่จะตีตั๋วเข้ามาชมหนัง ผมเชื่อว่าเขาดูที่ตัวหนังมากกว่า การทำแบบนี้เป็นการทำร้ายหนัง ผมเชื่อว่าคนดูตัดสินใจเองได้ เขามีความคิดว่าสิ่งไหนดีไม่ดีก่อนจะเลือกชมตัวงาน ผมยืนยันเจตนาของผมไม่ได้ละเมิดสิทธิของใคร ผมอยากจะให้เขาได้ชมตัวภาพยนตร์ก่อนแล้วค่อยมาพูดผ่านสื่อแบบนี้ครับ” ผู้กำกับกล่าว
ทางด้านนักแสดง “อี๊ด” โปงลางสะออน หรือ นายสมพงษ์ คุนาประถม ได้กล่าวต่อว่า “ผมว่าเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะออกมาพูดได้ แต่เจตนาของเราไม่ได้ไปล้อเลียน เพียงแต่วิธีการแสดงของผม ผู้กำกับเป็นคนบอกให้เราพูดแบบนี้ เพราะทำให้มันดูน่ารัก ไม่ได้เป็นจุดเสียอะไร เพราะในหนังรักจัง เราไม่ได้เอาภาษาของเขามาพูดลามก ไม่มีคำไม่สุภาพ หนังสนุกที่ท่าทางและการแสดงของพวกเรามากกว่า”
“อย่างตัวเองเป็นคนอีสาน ผมภูมิใจด้วยซ้ำที่หนังที่นำเอาภาษาอีสานไปพูดทั้งเรื่อง ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมภาษาของเรา ไม่มีเจตนาล้อเลียน กระแสตอบรับที่ถึงตัวผม จากการไปทัวร์คอนเสิร์ตโปงลางสะออนที่ภาคเหนือมาหลายๆจังหวัด ก็มีกลุ่มชาวเขาที่ลงมาดูคอนเสิร์ต ก็ได้สอบถามเขาว่าไปดูหนัง รักจัง แล้วหรือยัง รู้สึกอย่างไงที่พวกผมแสดง เขาก็บอกว่าน่ารัก ชอบ”
“การที่มีกลุ่มคนตั้งประเด็นตรงนี้ขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าชาวบ้านคิดจริงหรือเปล่า จากที่ผมไปสัมผัสมา แล้วได้บอกกล่าวขอโทษพวกเขา ก็ไม่เห็นมีใครโกรธอะไรเรา ผมว่าสำคัญที่สุดคือ เราสื่อไปทางไหนมากกว่า ถ้าเราพูดในสิ่งไม่ดี พูดไม่สุภาพ ถ้าเป็นแบบนี้สมควรจะโดนติ แต่ในหนัง รักจัง เราไม่มีการกระทำแบบนี้เลย หรืออย่างเสื้อผ้า เป็นชุดที่ทำขึ้นมาใหม่ ไม่ได้มีการนำแบบมาจากชนเผ่าใดชนเผ่าหนึ่ง เราคิดขึ้นมาเอง ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร อยากให้ทุกคนไปชมภาพยนตร์กันก่อน แล้วค่อยมาตัดสินว่าภาพยนตร์ “รักจัง” ละเมิดศักดิ์ศรีจริงหรือไม่
“การเข้ามาชมหนัง ทุกคนมาดูกันเพื่อหารอยยิ้มมีความสุขที่ได้เข้ามาชมหนังเรื่องนี้ การดูหนังต้องคิดว่าเรามาเพื่อหาความบันเทิง พักผ่อน ทำให้ชีวิตมีเสียงหัวเราะ ผมว่าคิดมากไปก็กลายเป็นเรื่องวุ่นวายไปเปล่าๆ น่าจะเข้ามาหาความบันเทิงกันมากกว่าครับ” อี๊ด นักร้องชื่อดังเผย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อาวอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ติ๊ก-อารีย์ 01-819-5507 / หลิน-ธมลวรรณ 01-432-4725 / น้อยหน่า-กชพรรณ 09-140-1125/
ยุ 01-9230821 หรือ 02-9386915-6 ต่อ 101,115,126,127
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net