กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--เอ็ม บี เค
เมื่อวันอังคารที่ 6 มกราคม 2552 ณ สำนักงานชั้น 8 บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) คุณสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคุณวินัย ศรีชอบธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้า MBK Center ร่วมแถลงข่าว “นโยบายแผนการตลาดประจำปี 2552 และเปิดตัวธุรกิจรับบริหารจัดการศูนย์การค้า” โดยคุณสุเวทย์ ธีรวชิรกุล เปิดเผยว่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และเหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่มีความ ผันผวนจนเป็นเหตุให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยลดลง รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยก็ลดลงไปด้วย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ ศูนย์การค้า , ธุรกิจโรงแรม , ธุรกิจสนามกอล์ฟ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ธุรกิจของบริษัทฯ ก็เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้นในปี 2552 บริษัทฯ จึงได้กำหนดนโยบายและแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับกับปัญหาดังกล่าว และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยตั้งเป้าหมายว่ารายได้โดยรวมจากธุรกิจโรงแรม สนามกอล์ฟ ข้าวมาบุญครอง และศูนย์การค้า MBK Center จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 % หรือต้องไม่น้อยไปกว่าปีที่ผ่านมา
นายสุเวทย์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของการลงทุนและขยายธุรกิจของบริษัทฯในปีงบประมาณ 2551-2552 นั้น ได้ตั้งงบประมาณในการลงทุนไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดีนัก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการลงทุนอย่างต่อเนื่องในบางโครงการ อาทิ โครงการสร้างศูนย์การค้าขนาดย่อม(Community Mall) ที่พรีเมียร์พระราม 9 (เดิม) , โครงการปรับปรุงศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อหุ้นเสรีเซ็นเตอร์เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา , โครงการสร้างโรงแรมระดับ 3 ดาวในสนามล็อคปาล์ม กอล์ฟ คอร์ส ที่จ.ภูเก็ต , โครงการปรับปรุงห้องพักที่โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส , โครงการสนามกอล์ฟที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ส่วนบางโครงการก็จะชะลอไว้ก่อน เช่น โครงการสร้างโรงแรมที่เกาะสมุย โครงการพัฒนาที่ดินเพื่อขาย และมีโอกาสลงทุนในการซื้อทรัพย์สินที่มีผู้มาเสนอขายในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุน และจากประสบการณ์ในการบริหารศูนย์การค้า MBK Center ซึ่งมีผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ย 100,000 คนต่อวัน มานานกว่า 25 ปี ด้วยทีมงานและบุคลากรที่มีศักยภาพด้านการบริหารจัดการศูนย์การค้าในทุกๆ ด้าน จนได้รับการรับรองตามมาตรฐานระบบการจัดการบริหารงานด้านคุณภาพ ISO 9001: 2000 ด้านการจัดการ Shopping Center อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีธุรกิจด้านบริการอื่นๆ อาทิ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจทัวร์ ฯลฯ อีกกว่า 30 บริษัทในเครือ จึงทำให้บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการในธุรกิจการบริการ ประกอบกับวิถีชีวิตของคนเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ผู้บริโภคจึงหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าในสถานที่ที่ใกล้เคียงที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นที่มาของคอมมูนิตี้มอลล์ หรือ ศูนย์การค้าขนาดย่อม ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาบริษัทฯ จึงแตกไลน์ธุรกิจรับบริหารจัดการศูนย์การค้า ประเภท Shopping Center หรือการบริหารพื้นที่เช่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจ เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง และเพื่อรองรับนักลงทุนผู้ที่ต้องการจะดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าแต่ไม่มีประสบการณ์ และความพร้อมในการบริหารจัดการ โดยกำหนดขอบเขตการให้บริการออกเป็น 2 ช่วง คือ
- ช่วงก่อนเปิดดำเนินการ จะเริ่มตั้งแต่ศึกษาทำเล ที่ตั้ง กำหนดรูปแบบ, แนวคิด , การออกแบบ ก่อสร้าง และการวางระบบต่างๆ
- ช่วงเปิดดำเนินการแล้ว จะให้บริการด้านการตลาด , การขาย , การประชาสัมพันธ์ , ระบบงาน Back Office และระบบงาน Operation ต่างๆ
ทั้งนี้รูปแบบของการรับบริหารศูนย์การค้าจะมีบริการครอบคลุมทุกระบบขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าต้องการให้ดูแลทั้งหมด หรือต้องการให้บริหารเฉพาะบางส่วน โดยอัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ศูนย์การค้า รวมทั้งขอบข่ายของการบริหารจัดการที่จะให้ดูแลทุกระบบหรือบางส่วน
โดยมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย คือ ศูนย์การค้าขนาดกลาง หรือ Community Mall ที่มีทำเลที่ตั้งทั้งในกรุงเทพมหานคร และเมืองท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ , ภูเก็ต ฯลฯ
ในส่วนนโยบายและแผนการตลาดของธุรกิจศูนย์การค้าMBK Center คุณวินัย ศรีชอบธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้า MBK Center เปิดเผยว่า ในปี 2552 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ของธุรกิจศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 4%หรือต้องไม่น้อยไปกว่าปีที่ผ่านมา แต่จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ส่งผลกระทบให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ ลดลงไปด้วย ดังนั้นในปีนี้ MBK Center จึงได้เร่งปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น โดยมุ่งเจาะลึกถึงความต้องการตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และคาดว่าจะช่วยดึงลูกค้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้กลับมาใช้บริการเหมือนเดิม หรือมากขึ้น โดยเตรียมทุ่มงบประมาณด้านการตลาดกว่า 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ได้แก่ ปรับเปลี่ยนลิฟท์ , ปรับปรุงบันไดเลื่อน และทางเลื่อนสะพานลอยทางเชื่อมทั้ง 2 ด้าน , ลานกิจกรรม , ทางเดินรอบศูนย์ฯ เพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย และสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้บริการ โดยโครงการทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2553 นอกจากนี้ยังมีแผนการตลาดอื่นๆ อาทิ การนำสื่อประชาสัมพันธ์ประเภท โบรชัวร์ ทัวริสการ์ดไปร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการไปทำโรดโชว์ในต่างประเทศ เพิ่มภาษาต่างประเทศอื่นๆ ที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษเข้าไปในเว็บไซด์ MBK และเพิ่มช่องทางเข้าเว็บไซด์ MBK ให้ง่ายขึ้น โดยเข้าไปลิงค์กับเว็บไซด์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม และยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมสู่สายตาชาวต่างชาติอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย การจัดกิจกรรมตามเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลสงกรานต์ และจัดกิจกรรมกับวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา โดยเน้นกิจกรรมที่สร้างสรรค์และส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งนำกลยุทธ์ด้าน CSR (Corporate Social Responsibility) เข้ามาใช้เพื่อสร้างคอร์ปอเรต แบรนด์ในด้านการมีส่วนร่วมคืนกำไรให้กับสังคม เช่น การจัดโครงการปันน้ำใจให้กับผู้ด้อยโอกาส , การจัดโครงการลดภาวะโลกร้อนในเชิงให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน นอกจากนี้ยังได้นำกลยุทธ์ด้าน CRM (Customer Relation Management) เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าที่ประกอบการภายในพื้นที่ MBK CENTER มากขึ้น และยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงบริการต่างๆ อาทิ โครงการ Valet Parking , Parking Call , บริการสถานที่จอดรถด่วน 45 นาที และนอกเหนือจากนี้ยังมีโครงการสำหรับลูกค้าที่สนใจจะเช่าพื้นที่กับศูนย์ฯ ก็ได้เพิ่มช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกในการจองพื้นที่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้โครงการ Advance Sales Service
บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 0 — 2620-9000 ต่อ 7435-7437