กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--เจดับลิวที พับลิครีเลชั่นส์
มร.เจฟ ออลสัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดให้บริการของ “สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล” ว่า “ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล พร้อมจะเปิดให้บริการในต้นเดือนธันวาคมนี้ที่ สยาม- พารากอน และจะเป็นอุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างได้คืบหน้าไปแล้วกว่า 90% โดยพันธุ์สัตว์น้ำที่จะนำมาจัดแสดงนั้น จะมีทั้งสายพันธุ์ที่มาจากประเทศไทย และประเทศต่างๆจากทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ปลาฉลามเสือทราย” ซึ่งเป็นพระเอกตัวจริงของทางสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล”
“สำหรับปลาฉลามเสือทรายนั้น ตามปรกติแล้วจะมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ Odontaspis ferox และ Carcharias taurus พันธุ์ที่ทางสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล นำมาจัดแสดงโชว์นั้นจะเป็นพันธุ์ Carcharias taurus ซึ่งมาจากทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกา โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีความยาวได้มากสุดถึงประมาณ 3.7 เมตร แต่สำหรับตัวที่เรานำเข้ามานี้ ตัวที่มีความยาวที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร และฉลามเสือทรายนี้ จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนผู้ชมสามารถมองเห็นความเปลี่ยนทั้งขนาดและรูปร่างได้อย่างชัดเจน”
สำหรับปลาฉลามเสือทรายนั้น ทางสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล จะนำมาจัดแสดงอยู่ในส่วนของโซน Open Ocean ที่จำลองการอาศัยอยู่รวมกันของหมู่ฝูงปลาอันชาญฉลาด กับสัตว์ที่ชอบพรางตัวอยู่ในก้นทะเลลึก ซึ่งนอกเหนือจากปลาฉลามเสือทรายแล้วนั้น ในส่วนของโซน Open Ocean ยังมีสัตว์น้ำอื่นๆอีก อาทิเช่น ฉลามเสือดาว, ฉลามครีบดำ, ปลาหมอทะเล และ ปลาตะคองเหลือง เป็นต้น
มร.เจฟ กล่าวทิ้งท้ายว่า “บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ฉลามเสือทราย ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ จะกลายเป็นขวัญใจของผู้ที่มาเยี่ยมชม พร้อมๆ กับสัตว์น้ำอีกกว่า 400 ชนิดที่จะมาเปิดโลกแห่งสีสัน ความน่าพิศวง และความชาญฉลาดของชีวิตใต้ท้องทะเลลึกให้ผู้ที่เข้าชมได้เห็นอย่างใกล้ชิด”
อุทยานสัตว์น้ำ “สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล” ก่อตั้งและบริหารงานโดย โอเชียนิส ออสเตรเลีย กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจ อุทยานสัตว์น้ำอันดับหนึ่งของโลก ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากว่า 15 ปี ด้วยเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท และเป็นอุทยานสัตว์น้ำมาตรฐานโลกแห่งแรกของประเทศไทย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แก่ ผู้ใหญ่ 450 บาท และเด็ก (สูง 80-120 ซม.) ราคา 280 บาท
สามารถคลิกดูภาพประภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--