กรุงเทพฯ--8 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ผู้กำกับสายเลือดมังกร อย่าง “จอห์น วู” ถือเป็นผู้กำกับชั้นครู ที่คนทำหนังรุ่นใหม่ล้วนยกย่อง หลังจากสร้างชื่อที่บ้านเกิดในประเทศจีน จาก ภาพยนตร์ โหด เลว ดี จนกลายเป็นภาพยนตร์ในตำนานอีกเรื่องไปแล้ว ก็ได้รับการทาบทามจากฝั่งฮอลลีวู้ด ให้ไปร่วมงานด้วย และในที่สุด “จอห์น วู” ก็สามารถสร้างชื่อให้กับชาวเอเชียได้สำเร็จเพราะเป็นผู้กำกับเอเชีย ที่ฝากฝีมือระดับสุดยอด ให้โลกภาพยนตร์ได้ทึ่ง จากผลงานภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ Face/Off และ Mission: Impossible II และในที่สุด “จอห์น วู” ก็ได้กลับมาทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิดอีกครั้ง เมื่อตกปากรับคำ รับหน้าที่ผู้กำกับ ให้กับมหากาพย์ภาพยนตร์ระดับตำนานแห่งเอเชียอย่างสามก๊ก และ สามก๊กในเวอร์ชั่นของ”จอห์น วู” นั้น ก็ได้เผยโฉมให้ชาวโลกได้ประจักษ์ กับ ชื่อ โปรเจ็คที่ว่า Red cliff ซึ่งสร้างมาจากเนื้อเรื่องช่วงศึกผาแดง ที่ขงเบ้ง และ จิวยี่ จำเป็นต้องร่วมมือกัน เพื่อต้านทัพอันยิ่งใหญ่ของโจโฉ และผลแห่งสงครามครั้งนี้ทำให้ประเทศจีนแตกออกเป็น สามก๊กอย่างชัดเจน เนื่องจากเนื้อเรื่องในตอนศึกผาแดงนี้ มีความเข้มข้น และมีใจความสำคัญแห่งตำนานสามก๊กอยู่มากมาย ทำให้ มหากาพย์ภาพยนตร์ Red cliff ไม่สามารถถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มได้ เพียงภาคเดียว เพราะการตัดทอนส่วนใดส่วนหนึ่ง อาจทำให้ความสนุก และความเข้าใจในตัวละคร รวมทั้งเนื้อเรื่อง โดนตัดทอนไปด้วย และด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ จอห์น วู กำกับ Red cliff ออกมาเป็น สองภาคด้วยกัน ซึ่งในภาคสองนี้ ประเทศไทยได้ใช้ชื่อตอนว่า “Red cliff 2 : สามก๊ก จอห์น วู โจโฉแตกทัพเรือ 2” และภาคจบนี้เอง จะเป็นบทสรุปแห่งมหาสงครามในตำนานสามก๊กแห่งเอเชีย
สำหรับ ตัวจอห์น วู เอง เขาเผยว่า นี่คือผลงานระดับมาสเตอร์ พีซ ของเขา ที่ทุ่มเททั้งจิตวิญญาณกำกับ เหมือนเป็นการทำงานรับใช้ชาติ เขาอยากทำหนังมหากาพย์ของเอเชีย ที่จะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและศาสตร์แห่งโลกตะวันออก เขายังคร่ำครวญถึงการที่ชาวตะวันตกหลายคน มักจะจำเขาสลับกับผู้กำกับชาวไต้หวันอย่าง อังลี เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่า พวกเราชาวเอเชียไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกันหมดไปซะทุกคน โดยเฉพาะดินแดนมังกร บ้านเกิดของเขา แม้ต้องรอคอย มานานกว่า 18 ปี ในที่สุด โปรเจ็คในฝันของเขา ก็กลายมาเป็นความจริง ให้ชาวโลกได้ประจักษณ์ในความยิ่งใหญ่ แห่งสามก๊ก
เมื่อภาคแรกของ Red Cliff ออกฉายทั่วเอเชีย มันก็แสดงให้เห็นถึงความน่าตื่นเต้นเข้มข้น, การถ่ายทำที่งดงาม และการออกแบบงานสร้างอันน่าประทับใจ โดยทั้งหมดนั้นก็มาจากความเอาใจใส่ของทีมงานทุกคน ซึ่งก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งในด้านคำวิจารณ์และรายได้ โดยมันสามารถเปิดตัวเป็นอันดับหนึ่งได้ถึง 6 ประเทศ และกวาดรายได้ไปกว่า 1,600 ล้านบาทเป็นที่เรียบบร้อย
อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาจากฮอลลิวู้ดนั้น ช่วยเขาได้มากในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Red Cliff โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับเทคนิคพิเศษต่างๆ เช่น ฉากที่สำคัญที่สุดและเป็นบทสรุปของเรื่องนี้ นั้นก็คือฉากรบบนเรือ และต้องแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า เรือจำนวน 2,000 ลำนั้น จะถูกเผาและจมลงสู่ท้องทะเลได้น่าเชื่อถือมากแค่ไหน และถือได้ว่า ใน Red Cliff ภาค 2 นี้ เราจะได้เห็นการต่อสู้ทางน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกภาพยนตร์เอเชีย และในฐานะที่เราคือชาวเอเชีย การได้รับชมภาพยนตร์เรื่องเดียวที่มาพร้อมกันถึงสองภาค ก็เปรียบเสมือนของขวัญล้ำค่าที่มอบให้แก่คนเอเชียโดยเฉพาะ
สู่การตัดสินสุดท้ายแห่งมหาสงคราม จารึกความภูมิใจแห่งเอเชีย 22 มกราคม นี้ ในโรงภาพยนตร์