กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ แถลงว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ปรับกำหนดการยื่นคำขออนุญาตและแนวทางในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของคำขออนุญาตออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศ เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีความยืดหยุ่นสามารถปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำขออนุญาตได้ ปีละ 4 ครั้ง คือ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และพฤศจิกายนของทุกปี รายละเอียดปรากฏตามแถลงข่าวกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับกำหนดการยื่นคำขออนุญาตและแนวทางการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของคำขออนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ฉบับที่ 84/2551 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 นั้น
สำหรับการพิจารณาอนุญาตในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 กระทรวงการคลังได้พิจารณาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ อาทิ ภาวะเศรษฐกิจการเงินโลกและประเทศไทย อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ขออนุญาต รวมทั้งปริมาณการออกตราสารหนี้ในประเทศของภาครัฐและเอกชนไทยแล้ว เห็นควรอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ รวม 6 ราย ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ในวงเงินรายละไม่เกิน 4,000 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 24,000 ล้านบาท โดยรายชื่อของผู้ได้รับอนุญาต ได้แก่
1. Agence Francaise de Developpement (AFD)
2. ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะฟื้นฟูและพัฒนา (International Bank for Reconstruction and Development: IBRD)
3. บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC)
4. Kommunalbanken Norway (KBN)
5. Nordic Investment Bank (NIB)
6. Swedish Export Credit Corporation (SEK)
กระทรวงการคลังขอขอบคุณผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกรายที่ให้ความสนใจในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตในรอบนี้และมีความประสงค์จะขออนุญาตในรอบถัดไปสามารถยื่นหนังสือแสดงความจำนงมาที่กระทรวงการคลังในเดือนกุมภาพันธ์ 2552
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้
โทร. 0-2265-8050 ต่อ 5810