กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น
ปัจจุบันการเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก นักเรียนและผู้ปกครองต่างให้ความสนใจและต้องการที่จะให้ลูกหลานเข้าศึกษาต่อในระบบนานาชาติเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นผลให้มีการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนระบบนานาชาติเป็นจำนวนมาก ดังเช่น สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “SIIT” ที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการมากว่า 10 ปี เรียกได้ว่าเป็นสถาบันฯ ที่ได้รับการตอบรับจากนักเรียนและผู้ปกครองด้วยดี และผลิตบัณฑิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง SIIT เมื่อ 10 กว่าปีก่อนว่า SIIT หรือ สถาบันฯ สิรินธร เริ่มมาจากความต้องการเฉพาะในการพัฒนาประเทศด้านอุตสาหกรรม เมื่อประมาณ พ.ศ.2535 ประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาขยายตัวลงทุนภายในประเทศไทยสูงมาก ทำให้มีความต้องการบุคคลากรด้านวิศวกรเป็นจำนวนมาก แต่ประเทศไทยมีความสามารถในการผลิตวิศวกรได้ไม่มากและไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งยังมีปัญหาด้านการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงความรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการสร้างอุตสาหกรรม ดังนั้นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สหพันธ์เศรษฐกิจแห่งประเทศญี่ปุ่น (KEIDANREN) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงร่วมมือกันสร้างโรงบ่มเพาะวิศวกรไทยเพื่อให้มีทักษะด้านภาษาอังกฤษสูง และมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะตอบสนองต่อภาคอุตสาหรรมได้เป็นอย่างดี และเมื่อปี 2539 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อเป็น “สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร” โดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Sirindhorn International Institute of Technology” (SIIT)
ศ.ดร.สุรพล กล่าวว่า “ถ้าถามว่า SIIT ในวันนี้เป็นอย่างไรในสายตาธรรมศาสตร์ ธรรมศาสตร์จะบอกว่า ณ วันนี้ SIIT เป็นสถาบันที่ประสบความสำเร็จสูงมาก ทำให้มาตรฐานการศึกษาทางวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการ รวมถึงมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยรวมสูงขึ้น เป็นแบบอย่างของความสำเร็จของการบริหารจัดการแบบไม่พึ่งพาระบบราชการ”
สำหรับความสำเร็จของ SIIT เป็นไปทั้งในทางกว้างและในทางลึก โดยทางกว้าง บัณฑิตของ SIIT ที่ผลิตออกไป ตรงกับความต้องการของตลาด และมีศักยภาพสูงทางวิชาการ ไม่มีบัณฑิตของ SIIT ที่ตกงานเลย ส่วนในทางลึก SIIT เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี โท และเอกอย่างครบถ้วน โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีหลังการก่อตั้ง ก็สามารถรับนักศึกษาได้เป็นจำนวนมาก คณาจารย์ทุกท่านมีวุฒิปริญญาเอก ซึ่งมีทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ความสำเร็จของ SIIT ยังวัดได้จากงานวิจัยที่ผลิตขึ้น จำนวนคณาจารย์ต่อนักศึกษา จำนวนคอมพิวเตอร์ ผลงานการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการระดับประเทศ การได้รับการยอมรับระดับนานาชาติในเรื่องของการส่งนักศึกษาแลกเปลี่ยนไปเรียนต่อ หรือแม้กระทั่งประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของสถาบันทั้งสิ้น
“ผมยืนยันว่า SIIT เป็นมหาวิทยาลัยทางวิศกรรมศาสาตร์ที่ดีที่สุดในขณะนี้ ไม่ใช่ได้ด้วยความรู้สึกหรือความคาดหวังว่าดีที่สุด แต่ดรรชนีชี้วัดทั้งหลายยืนยันอย่างนั้น เมื่อเปรียบเทียบโดยรวมกับสถาบันอื่นๆ ของประเทศ SIIT บริหารงานอย่างอิสระ ไม่ขึ้นกับงบประมาณแผ่นดิน และเรียกร้องศักยภาพทางภาษาอังกฤษจากบุคคลากรสูง ผมจึงต้องการสื่อให้คนทั่วไปเข้าใจว่า เนื่องจากเรามีมาตฐานที่สูง จึงเป็นผลให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย แต่อยากให้มองว่าเป็นการลงทุนทางการศึกษาในระยะยาวที่มีเหตุมีผลและคุ้มค่า เพราะผลสำเร็จหลังจากการศึกษาใน SIIT พิสูจน์ตัวเองอยู่แล้วว่า บัณฑิตที่จบจากที่นี่ประสบความสำเร็จในการทำงาน และประสบความสำเร็จในชีวิต” ศ.ดร.สุรพล กล่าวทิ้งท้าย
หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ:
คุณชนัญชิดา นันทกิจดำรง (จี๊ด) Media Relations
บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทร. 02-238-1881 # 301 มือถือ 09-124-4430
โทรสาร 02-238-3325 Email: chananchida@mice.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--