กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
หลากหลายเสียงชื่นชม อิ่มอุ่นทุกหัวใจ “ความสุขของกะทิ” ภาพยนตร์สามัญประจำครอบครัว “แล้วคุณจะรักครอบครัวมากขึ้น”
เปิดฉายรอบแรกอย่างเป็นทางการไปแล้วกับรอบสื่อมวลชนของภาพยนตร์อิ่มอุ่นหัวใจเหมาะสำหรับทุกเพศวัยเรื่อง “ความสุขของกะทิ” เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ได้มาร่วมแสดงความยินดีและร่วมชมภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจเรื่องนี้แล้ว งานนี้ยังได้รับความสนใจจากดารานักแสดงและผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการมาร่วมสัมผัสความอบอุ่นใจจาก “ครอบครัวกะทิ” และให้เสียงตอบรับด้วยความชื่นชมเป็นอย่างมาก
คุณกมลา สุโกศล “ถามตัวเองว่าทำไมไม่ทราบว่ามันถึงตรึงให้เราดูตั้งแต่ต้นจนจบให้ลุกก็ไม่อยากลุกอยากดูให้มันจบก็คงจะเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรรมดาที่สุดเลย มันเป็นการแสดงที่ดีมาก แม้เนื้อเรื่องมันจะธรรมดาจริง ๆ เลย Simple Story นะคะ แต่ว่ามันตรึงเราอยู่กับที่น่ะค่ะ ดิฉันคิดว่าเด็กเป็นคนที่แสดงดีมากเลย เราก็รู้ว่าความสุขคืออะไร ความรู้สึกของเขาคงไม่ได้อยากพบพ่อเขาเท่าไหร่ เพราะว่าความสุขของเขามีอยู่แล้ว”
ดีเจอรรณพ กิตติกุล “ดูเรื่องนี้แล้วจากที่เคยอ่านหนังสือว่าอิ่มแล้วแต่ดูหนังมันอิ่มยิ่งกว่า เป็นหนังที่ดูแล้วมีความสุขมาก ๆ ประทับใจฉากที่แม่เจอกะทิคือไม่ต้องพูดอะไรเลยน้ำตามันก็ปริ่ม ๆ แล้ว มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนไม่ได้เจอกันมานาน ในยุคนี้ถ้าพูดถึงหนังเรื่องไหนที่ดูแล้วอิ่มเนี่ยขอแนะนำเรื่อง ‘ความสุขของกะทิ’ ดูแล้วคุณจะอิ่มเอมใจแล้วก็จะสุขไปทั้งวันเลยครับ”
ป๊อป อารียา สิริโสดา “น้องพลอยเล่นดีมาก ๆ เล่นได้ธรรมชาติมาก ๆ ที่ชอบในหนังเรื่องนี้คือชอบด้านสถานที่ที่มาถ่ายที่อยุธยารู้สึกว่ามันสวยมาก มีความรู้สึกว่ากะทิอาจจะโชคร้ายในเรื่องแม่ตัวเอง แต่ว่ามีความสุขด้านครอบครัวอบอุ่น คุณตาคุณยายก็น่ารัก เลยรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันอบอุ่นแล้วก็อยู่ต่างจังหวัดอยู่กับธรรมชาติ มันรู้สึกว่าอิ่มใจ ถ้าเด็กได้เติบโตในธรรมชาติรู้สึกว่ามันอบอุ่นดี อิ่มใจดี อาจจะขาดอะไรในชีวิตแต่สิ่งที่เติมเต็มให้ชีวิตเราคือมีคนที่รักเรา สถานที่ที่เป็นธรรมชาติ มันทำให้สบายใจแล้วก็ได้ความอบอุ่น ก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีก็ขอบคุณมากที่ได้ทำอะไรน่ารักอย่างนี้ออกมา”
หมิว ลลิตา ปัญโญภาส “มีความรู้สึกว่า เวลาที่จะกลับบ้านไปคงจะใช้กับลูกให้มากกว่านี้ ใช้สติให้มากกว่านี้ ทำไปทำมาเด็กเขาเข้มแข็งมาก เขาสามารถเก็บอะไรเอาไปคิดเองได้ เราชอบคิดว่าเด็กคือเด็ก แต่เด็กเค้าก็มีความคิดเป็นของตัวเองแล้วเขาก็สามารถคิดเองได้แล้ว หลังจากดูแล้วมันก็เป็นความรู้สึกที่เก็บ ๆ อยู่ข้างใน อ่านหนังสือก็ชอบตั้งแต่ตอนที่เป็นหนังสือแล้ว พอมาเป็นหนังภาพออกมามันก็เป็นแบบที่คิดและก็สวยกว่าที่คิดด้วย ตัวแสดงทุกคนก็เป็นตัวแสดงที่ออกมาจาในหนังสือกะทิน่ารักมากค่ะ”
โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ (บก.บห นิตยสาร A Day) “ความสุขของกะทิเป็นหนังที่เรียบง่ายดูแล้วมีความสุขดูแล้วอิ่มใจดูแล้วอยากกลับไปหาแม่อยากไปกอดแม่ น้องพลอยสดใสแล้วก็ดูบริสุทธิ์มากไม่รู้จะบอกอย่างไงเพราะว่าน้องพลอยกับกะทิคือคนคนเดียวกัน ไม่รู้สึกว่าน้องพลอยกำลังแสดงอยู่ แต่คนที่เราดูอยู่มันคือกะทิ ผมคิดว่าแก่นสำคัญของหนังเรื่องนี้คือ ถึงแม้ว่าเราจะมีความทุกข์มีเรื่องที่ต้องเสียใจน่าผิดหวังเศร้าสร้อยอย่างไร แต่สิ่งที่เยียวยาได้ความอบอุ่นความสัมพันธ์ในครอบครัว ความรักแบบครอบครัวไทยช่วยได้”
เมตตา อุทกะพันธ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) “ต้องบอกว่าก่อนที่จะมาดูหนังเรื่องนี้ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะอ่านหนังสือแล้วก็ชอบหนังสือเล่มนี้มาก เพราะฉะนั้นการที่จะนำหนังสือเรื่องนี้มาทำหนังให้ได้อารมณ์แบบหนังสือมันเป็นเรื่องยากมาก แต่เมื่อมาดูแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าทำได้ดีกว่าที่คิดมาก ตัวแสดงทุกคนแสดงได้เป็นธรรมชาติแล้วก็เข้าถึงแล้วก็เก็บอารมณ์ของหนังสือเรียกได้ว่าเกือบจะหมดทุกขั้นตอน ดีกว่าที่คาดไว้ ชอบมาก ๆ เลยค่ะ เป็นความผูกพันในครอบครัว เป็นความรักระหว่างแม่ลูกที่เป็นชนบทแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับชีวิตสมัยใหม่ที่เราได้เห็นความผูกพันในครอบครัว แล้วก็ภาพยนตร์ในเรื่องนี้แสดงออกได้ดีมาก ๆ นักแสดงทุกคนแสดงได้ดีเข้าถึงและเป็นธรรมชาติมาก ๆ หนังเรื่องนี้น่ามาดู เพราะจะหาหนังในแบบนี้ตอนนี้ยาก โครงเรื่องก็ดีหรือว่าในการนำเสนอเด็ก ๆ จะได้เห็นชีวิตที่เป็นธรรมชาติชีวิตที่เป็นชนบท ดิฉันก็อยากที่จะเชิญชวนพ่อแม่พาลูก ๆ มาดูได้เห็นความผูกพันในชีวิตครอบครัวกันเยอะ ๆ ค่ะ”
คงเดช จาตุรันต์รัศมี (ผู้กำกับ-เขียนบท) “เป็นอะไรที่ละเมียดละไมภาพสวยมาก ผมรู้สึกว่าตัวหนังสามารถถ่ายทอดจากหนังสือได้ดีคือหนังสือจริตอย่างไหนเนี่ย หนังจริตเดียวกันเลย มีลีลาจังหวะการเดินเรื่องที่เป็นไปเรื่อย ๆ เวลาอ่านหนังสือมันก็เหมือนว่าเราจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านทุ่งในบ้านต่างจังหวัดของกะทิเลย เวลาดูหนังก็รู้สึกว่าเหมือนพาเราไปในที่นั้นด้วย เห็นกะทิแล้วคิดถึงลูก ตัวกะทิเก่งมากเลย น้องพลอยเล่นได้ดีมากน่าเอามาทำต่อมากเลย น้องกะทิเล่นได้เป็นธรรมชาติมาก เขายังอยู่ในวัยที่ไม่ถูกปรุงแต่งมาก อยากให้อยู่อย่างนี้ไปนาน ๆ อยู่แบบนี้ที่ไม่ต้องถูกปรุงแต่งมาก น่ารักมาก พี่ว่าจริง ๆ แล้วสารในตัวหนังสือมันก็ยังคงอยู่ในหนังครบถ้วน แล้วก็ที่แน่ ๆ ก็คือหนังให้อะไรกับสิ่งที่อยู่รอบกายเยอะมากนอกจากในแง่เรื่องของการเป็นครอบครัว สิ่งที่คนดูจะได้ก็คือเขาจะหมุนเข็มนาฬิกาตัวเองให้ช้าลงมองอะไรรอบ ๆ ตัวแล้วก็หาความสุขกับตัวเองให้มากขึ้น”
จิระนันท์ พิตรปรีชา (นักเขียนรางวัลซีไรต์) “เป็นหนังที่ไม่ได้ดูแล้วแบบลิงโลดหรือว่าหัวเราะก๊าก ถือว่าเป็นก้าวใหม่ของภาพยนตร์ไทยด้วยที่นำชีวิตชนบทแล้วก็นำเอาชีวิตของเด็กอายุขนาดนี้มาทำเป็นเรื่องราวของหนัง ทำให้รู้ว่าเด็กเขาคิดอะไร ความสุขของเขาเป็นอย่างไร อยากให้ผู้ใหญ่มาดูกันมาก ๆ เพราะทำให้เราได้รู้ถึงความรู้สึกของเด็กว่า เขาคิดอย่างไรแล้วเราก็จะได้รู้ว่าเราคิดอย่างไรเมื่อเรายังเยาว์วัย ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้รู้สึกว่าโศกนาฏกรรมหรือว่าสุขนั้นมันไม่จำเป็นต้องเป็นการตกตึก ไฟไหม้ อย่างตอนจบหลายคนก็พูดว่าทำไมไม่มีฉากที่กรี๊ดบ้านแตกก็นั่นแหละค่ะความสุขของกะทิอยู่ที่ตรงนั้น บทของแม่นั้นเป็นความผูกพันระหว่างสายเลือด บทของเขาเป็นบทที่นิ่ง ๆ ก็มองลูกด้วยสายตาของคนที่เป็นแม่ค่ะ มีบางช่วงบางตอนที่รู้สึกว่าช้าไปหน่อย ดูหนังเรื่องนี้แล้วมีความสุขลึก ๆ อยู่ในใจ มีความสุขที่มีคนทำหนังแบบนี้”
แจ๊คกี้ อดิสรณ์ พึ่งยา (คอลัมนิสต์, พิธีกร, นักพากย์กีฬา) “มีความรู้สึกว่าถ้าเรารู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงไหน ถ้าเราค้นหาเจอเราจะมีความสุขมาก ๆ เลยครับ คิดว่าดูจบแล้วจะกลับไปอ่านวรรณกรรมต่อครับ”
ภัทร จึงกานต์กุล (ผู้ประกาศข่าว, นักจัดรายการวิทยุ, พิธีกร, อาจารย์) “ใครที่อยากจะรู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่อย่างมีความหมายอย่างไรไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ถ้าอยากจะหาความสุขให้กับตัวเองก็ต้องมาดูหนังเรื่องนี้ครับ”
ปรัชญา ปิ่นแก้ว (ผู้ควบคุมงานสร้าง, ผู้กำกับภาพยนตร์) “อาจเพราะเป็นผู้ชาย พอเราดูแล้วก็รู้สึกซึ้งกับความรักของแม่ด้วย น้องกะทิเคยร่วมงานกัน น้องเป็นคนที่น่ารัก เรื่องการแสดงน้องเขาก็ดูดีขึ้นมากเลย ชอบที่เขาเล่นเป็นกะทิ แล้วก็เชื่อด้วยว่าทุกคนต้องเรียกเขาว่ากะทิแน่นอน ก็คิดว่าหลายคนดูก็น่ามีความสุข ช่วงต้อนรับเทศกาลปีใหม่แล้วก็วันเด็กนะครับ อยากให้ทุกคนมาสนใจเรื่องใกล้ตัว ความรักที่มีต่อครอบครัวหันมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ซีไรต์ครับ มีคุณภาพมากสำหรับบทประพันธ์ของคนไทยเรานะครับ แล้วตอนนี้ก็ออกมาเป็นรูปแบบภาพยนตร์แล้วก็อย่าพลาดกับภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ”
“ความสุขของกะทิ” พร้อมให้สัมผัสความประทับใจทั่วกันต้อนรับวันเด็ก 8 ม.ค. นี้ ทุกโรงภาพยนตร์