บริษัทใน EU ยื่นจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าแล้วประมาณ 2.2 ล้านคำขอ และคาดว่าจะประกาศรายชื่อสารเคมีที่จดทะเบียนล่วงหน้าแล้วได้ภายหลัง 1 มกราคม 2552

ข่าวทั่วไป Monday January 12, 2009 16:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--คต. นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า หน่วยงาน ECHA (European Chemical Agency) ได้เปิดรับจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2551 และสิ้นสุดลงเมื่อ 1 ธันวาคม 2551 ไปแล้วโดยมีบริษัทใน EU และ EEA (European Economic Area [ไอซ์แลนด์ ลิชเท่นสไตน์ และ นอรเวย์]) ได้ยื่นจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าไว้ประมาณ 2.2 ล้าน คำขอ มีบริษัทยื่นขอจดทะเบียนล่วงหน้ามากกว่าจำนวนที่คาดไว้ถึง 20 เท่าครอบคลุมสารเคมีมากกว่า 140,000 รายการ ECHA ได้ตรวจสอบหลักฐานข้อมูลการยื่นจดทะเบียนล่วงหน้าแล้วเสร็จจะประกาศรายชื่อสารเคมีดังกล่าวให้ทราบภายในวันที่ 1 มกราคม 2552 สิทธิประโยชน์จากการจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้า คือ ผู้ผลิต / ผู้นำเข้าจะได้สิทธิการขยายกำหนดระยะเวลาสำหรับการจดทะเบียนสารเคมีออกไป ตามข้อกำหนดของประเภทและปริมาณของสารเคมีที่ผลิตหรือนำเข้า ดังนี้ 1) สาร CMR ที่ปริมาณตั้งแต่ 1 ตันต่อปี สารเคมีประเภท Aquatic Environment ที่มีปริมาณตั้งแต่ 100 ตันต่อปี และสารเคมีที่มีปริมาณตั้งแต่ 1,000 ตันขึ้นไป ให้จดทะเบียนภายใน 30 พฤศจิกายน 2553 (ค.ศ. 2010) 2) สารเคมีที่มีปริมาณตั้งแต่ 100 ตันขึ้นไป ให้จดทะเบียนภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 (ค.ศ. 2013) 3) สารเคมีที่มีปริมาณตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไป ให้จดทะเบียนภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 (ค.ศ. 2018) ภายหลังจาก ECHA ประกาศรายชื่อสารเคมีที่มีจดทะเบียนล่วงหน้าแล้ว บริษัทจะสามารถใช้ข้อมูลของสารเคมีร่วมกันได้ตามขั้นตอนของ Substance Information Exchange Forums (SIEFs) ในการจัดทำแฟ้มข้อมูลร่วมกันระหว่างบริษัทต่าง ๆ เพื่อยื่นจดทะเบียนสารเคมีประเภทเดียวกันต่อไป ในกรณีบริษัทที่เริ่มผลิตหรือนำเข้าสารเคมีในปริมาณมากกว่า 1 ตันขึ้นไปต่อปีเป็นครั้งแรก ภายหลัง 1 ธันวาคม 2551 จะได้รับสิทธิการขยายกำหนดระยะเวลาในการจดทะเบียนล่วงหน้าล่าช้าเช่นกัน ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวไม่มีผลใช้กับบริษัทที่จดทะเบียนล่วงหน้าไม่ทัน 1 ธันวาคม 2551 ทั้งนี้ หากไม่สามารถจดทะเบียนสารเคมีล่วงหน้าได้ทันตามกำหนด จะไม่สามารถผลิตหรือนำเข้าสารเคมีนั้น ๆ ได้ จนกว่าจะยื่นแฟ้มข้อมูลและชำระค่าจดทะเบียนสารเคมี ให้เสร็จสมบูรณ์ภายหลังครบกำหนดไปแล้วสามสัปดาห์หรือประมาณราววันที่ 5 มกราคม 2552 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบความคืบหน้าใด ๆ จาก EU อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ECHA กำลังเร่งพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องของคำขอทั้งหมด เพื่อเตรียมการสู่ขั้นตอนแลกเปลี่ยนข้อมูลตามแผนงาน Substance Information Exchange Forum (SIEF) ต่อไป ซึ่งคาดว่าคงไม่สามารถตรวจสอบให้แล้วเสร็จทันในวันที่ 1 มกราคม 2552 อย่างไรก็ดี ECHA จะหยุดให้บริการ REACH - IT ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2551 เพื่อย้ายฐานข้อมูลไปสู่ขั้นตอน Updated Version และจะเริ่มเปิดให้บริการ Pre - SIEFS ในวันที่ 5 มกราคม 2552 สำหรับบริษัทและคำขอจดทะเบียนสารเคมีที่ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ECHA จะประกาศให้ทราบถึงกำหนดระยะเวลาประกาศรายชื่อได้ในวันที่ 9 มกราคม 2552 ขณะนี้ ECHA ได้เผยแพร่รายชื่อและรายละเอียดที่ติดต่อของ National Helpdesk ของประเทศสมาชิก EU ในเรื่องการดำเนินการปฏิบัติให้สอดคล้องตามระเบียบ REACH โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติม ได้ที่ เว็บไซท์ http://echa.europa.eu/reach/helpdesk/nationalhelp_contact_en.asp

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ