“อาร์เอส” เปิดแผนลุยปีฉลู ฟันธงเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 13, 2009 15:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--อาร์เอสอาร์เอส” เผยแผนธุรกิจปี 52 มุ่งสร้างประสิทธิภาพมากกว่าการขยายงาน ประเมินการเติบโต 10 เปอร์เซ็นต์ คาดการณ์ปีนี้ทำรายได้ 2,600 ล้านบาท จากการเมืองเริ่มคลี่คลายส่งสัญญาณเชิงบวก ภาคเอกชนขานรับรัฐบาลใหม่ เศรษฐกิจกระเตื้องปรับตัวตาม มั่นใจคนไทยยังต้องการความบันเทิงเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ลาดพร้าว -นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2552 มาพร้อมกับการวางแผนการดำเนินงานใหม่ ภายใต้นโยบายการทำงานแบบอนุรักษ์นิยม หรือ Conservative มากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าปี 2552 บริษัทฯ จะมีรายได้รวม 2,600 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10 % เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2,382 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจคอนเทนต์ 66 % และธุรกิจมีเดีย 34 % โดยที่ตั้งประมาณการ Gross Margin ไว้ที่ 27 % ทั้งนี้ ได้กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของอาร์เอส ในปี 2552 นั้น โดยการผนวก คอนเทนต์บันเทิงและกีฬารวมกับสื่อทุกประเภทที่มีอยู่ในมือเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพื่อให้สอดรับ(synergy) กับ Master Plan ที่ตั้งไว้ โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันอย่างลงตัว โดยกำหนดกลยุทธ์หลักของบริษัท เพื่อส่งต่อเป็นนโยบายให้กับแต่ละธุรกิจของอาร์เอสดำเนินงานภายใต้นโยบายของบริษัทแม่ โดยเน้นการทำงานที่ใกล้ชิดกับลูกค้าและสปอนเซอร์ต่างๆ รวมถึงเน้นการตอบโจทย์ลูกค้าแบบ Customization อีกทั้ง เน้นดูแลรักษาฐานลูกค้าเดิมและเน้นการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้าอีกด้วย และเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเมืองไทยที่เกิดการชะลอตัวเช่นนี้เราสามารถใช้โอกาสท่ามกลางวิกฤติของการตัดงบโฆษณาของลูกค้าและเอเจนซี่ต่างๆบนสื่อหลัก ( Traditional Media) ให้หันมาให้ความสนใจกับสื่อใหม่ของบริษัทฯ อย่างเช่นสื่อออนไลน์ คือ “เว็บไซต์ชีซ่าดอทคอม ”(www.zheza.com) ซึ่งเป็นเว็บเซคกันด์ไลฟ์คอมมูนิตี้ออนไลน์ ( Second Life Community Online) ที่มีสมาชิกเกือบ 2 ล้านคน และ เว็บไซต์เพลงดอทคอม (www.pleng.com) ที่เป็นช่องทางในการนำเสนอชิ้นงานหรือคอนเทนต์ต่างๆ ของเราออกไปหากลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงสื่อในโมเดิร์นเทรด ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นสื่อทางเลือกที่กำลังมาแรง ที่บริหารสื่อในโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ 5 รายการ คือ บิ๊กซี , คาร์ฟูร์ ,เทสโก้ โลตัส , เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส และ ท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เหตุผลที่สื่อนี้ประสบความสำเร็จก็เนื่องมาจากเป็นสื่อที่ผู้ประกอบการต่างเล็งเห็นว่า ช่องทางการสื่อสาร ณ จุดขายในวิธีนี้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแบบทันทีทันใด อีกทั้งยังเป็นสื่อที่ช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมีราคาไม่สูง อีกทั้งในปีนี้ บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นธุรกิจหลัก และพิจารณาการขยายงานด้วยความระมัดระวัง โดยบริษัทฯยังคงดำเนินธุรกิจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกก็คือ Entertainment & Sport Content Provider ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจเพลง,ดิจิตอล,โชว์บิซ,ฟิล์ม และกีฬา และกลุ่ม Media Service ประกอบไปด้วย ธุรกิจทีวี,วิทยุ,สิ่งพิมพ์ และธุรกิจบริหารสื่อโมเดิร์นเทรด กลยุทธ์สุดท้ายเป็นการบริหารงานภายในองค์กรที่เรามีการปรับปรุงระบบงานและเน้นการแบ่งปันความรู้ในองค์กรและระหว่างองค์กรอีกด้วย โดยธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด และเป็นดาวรุ่งของอาร์เอสในปี 52 นี้ คือ ธุรกิจดิจิตอลที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ใน “เว็บไซต์ชีซ่าดอทคอม” ที่มีสมาชิกจำนวนมาก และธุรกิจโทรทัศน์ เนื่องจากธุรกิจนี้มีการเพิ่มรายการใหม่โดยเปิดตัวบริษัท ย๊าค จำกัด เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อกลุ่ม Teen โดยเฉพาะ และเพิ่มช่วงเวลารายการมากขึ้นจากปี 51 สุดท้ายคือธุรกิจบริหารสื่อในโมเดิร์นเทรดเต็มรูปแบบ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ที่มียอดการจองซื้อเวลาล่วงหน้าเต็มตลอดทั้งปีแล้ว สำหรับการลงทุนธุรกิจใหม่ๆในปีนี้นั้น จะยังไม่มีให้เห็น แต่จะมุ่งต่อยอดธุรกิจที่ทำอยู่เดิมให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น “ ผมมองว่าอุตสาหกรรมบันเทิงเมืองไทยปี 52 นี้ ช่วงแรกประชาชนยังมีความวิตกกังวล ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หายไป เพราะประชาชนจะระมัดระวังการใช้จ่าย แต่สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่าภาวะแบบนี้จะเป็นแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้น เพราะเมื่อประชาชนเกิดความเครียดก็ต้องหาความบันเทิงเข้ามาผ่อนคลาย โดยที่เพลงและภาพยนตร์จะกระทบน้อยที่สุด เพราะกลุ่มใหญ่ที่บริโภคความบันเทิงคือกลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ผมมองว่าธุรกิจบันเทิงเมืองไทยผ่านมาหลายวิกฤติแล้วตั้งแต่ต้นปี 40 และจะผ่านไปได้ในปีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐเข้ามากระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศให้กลับมาคึกคัก และถ้านโยบายภาครัฐได้ผล มันจะเป็นผลบวก ที่ส่งกลับมายังกำลังซื้อของบรรดาลูกค้าและเอเจนซี่ต่างๆ ” นายสุรชัยกล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ