กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--โตโยต้า มอเตอร์
มร.มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ประจำปี 2551 มีปริมาณการขาย 615,270 คัน ลดลง 2.5% คาดตลาดรถยนต์ไทยปี 2552 มีแนวโน้มหดตัว มียอดขาย 520,000 คัน ลดลง 15.4% พร้อมตั้งเป้าหมายการขายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น 221,000 คัน ลดลง 15.7% ครองส่วนแบ่งตลาด 42.5%
มร.โซโนดะกล่าวว่า“ตลาดรถยนต์ปี 2551เป็นช่วงเวลาที่ผกผันเป็นอย่างมากของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปริมาณการขาย เมื่อเปรียบเทียบในแต่ละไตรมาสแล้ว จะเห็นว่าในไตรมาสแรกของปี มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นถึง 17% แต่ก็หดตัวลงอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากภาวะการตื่นตระหนกในราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปริมาณการขายเติบโตเพียง 3.6% และได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ประกอบกับวิกฤติการเงินโลก ทำให้ไตรมาส 3 มีอัตราการเติบโตติดลบเป็นครั้งแรกของปี และส่งผลต่อถึงการขายในไตรมาส 4 ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองไม่แน่นอน ทำให้ยอดขายลดลงเช่นเดียวกัน โดยลดลงถึง 14.6% ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ของปี พ.ศ. 2551 หดตัวลดลงเหลือ 615,270 คัน ลดลง 2.5%”
“การหดตัวของตลาดรถยนต์ในปี 2551 เป็นผลมาจาก การหดตัวของตลาดรถกระบะ 1 ตัน ซึ่งมีความสำคัญและมีสัดส่วนการขายสูง โดยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีพลังงานทางเลือกสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดรถกระบะ มียอดขายลดลงถึง 17.6% ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่ง มีปริมาณการขายทำสถิติ ด้วยยอดขาย 226,805 คัน เติบโต 33.3% เป็นผลจากมีการแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด ความนิยมอย่างต่อเนื่องของรถยนต์พลังงานทางเลือก E20 และสมรรถนะการประหยัดน้ำมันของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก”
สถิติการขายรถยนต์ ในปี 2551
ปริมาณการขายรวม 615,270 คัน ลดลง 2.5%
รถยนต์นั่ง 226,805 คัน เพิ่มขึ้น 33.3%
รถเพื่อการพาณิชย์ 388,465 คัน ลดลง 15.8%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 334,282 คัน ลดลง 17.6%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 311,470 คัน ลดลง 18.6%
“สำหรับโตโยต้า เราสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ 42.6% มียอดขายเป็นอันดับ 1 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ในตลาดรถยนต์รวม ตลาดรถยนต์นั่ง ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ด้วยยอดขายรวม 262,209 คัน ลดลง 7% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 106,853 คันเพิ่มขึ้น 15.5% รถกระบะ1 ตัน 141,249 คัน ลดลง 18.4%
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2551
ปริมาณการขายโตโยต้า 262,209 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.6%
รถยนต์นั่ง 106,853คัน เพิ่มขึ้น 15.5% ส่วนแบ่งตลาด 47.1%
รถเพื่อการพาณิชย์ 155,356 คัน ลดลง 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 40.0%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 141,249 คัน ลดลง 18.4% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 127,208 คัน ลดลง 19.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.8%
“ทางด้านการส่งออกของปีที่ผ่านมาโตโยต้าสามารถส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป จำนวนทั้งสิ้น 313,000 คัน เติบโต 32% มูลค่าการส่งออก 13,400 ล้านบาท นอกจากนี้ เราได้ส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนทั้งสิ้น 28,800 คอนเทนเนอร์ มูลค่าการส่งออก 44,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา” มร.โซโนดะกล่าว
สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ของปี 2552 มร.โซโนดะ กล่าวว่า“เราคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในปี 2552 จะมีอัตราการเติบโตลดลงจากปีก่อนประมาณ 15% ปริมาณการขาย 520,000 คัน โดยแบ่งออกเป็นตลาดรถยนต์นั่ง 205,000 คัน ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน 269,000 คัน และตลาดรถกระบะในเซ็กเม้นท์นี้ 252,000 คัน โดยคาดการณ์จากอัตราการเติบโตที่ลดลงของไตรมาส 4 ในปี 2551 ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบันและส่งผลต่อเนื่องมาถึงปีนี้ โดยโตโยต้า ได้ตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ 221,000 คัน ลดลง 15.7% เมื่อเทียบกับปี 2551 และคาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาด 42.5%”
“เรายังมีความเชื่อมั่นว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่ง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลกไปอีกระยะหนึ่งก็ตาม ทั้งนี้ ระดับราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพและไม่สูงมากนักจะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ และจากข้อมูลอัตราการถือครองรถยนต์ต่อประชากรแสดงให้เห็นว่า ยังคงมีความต้องการอยู่มากทั้งความต้องการรถยนต์ใหม่ในต่างจังหวัดและทดแทนรถยนต์คันเดิมสำหรับลูกค้าในกรุงเทพฯ เรายังมองเห็นโอกาสทางการตลาดและมีช่องทางสำหรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศ” มร.โซโนดะ กล่าวเพิ่มเติม
ประมาณการยอดขายรถยนต์ ในปี 2552
ปริมาณการขายรวม 520,000 คัน ลดลง 15.4%
รถยนต์นั่ง 205,000 คัน ลดลง 8.6%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 269,000 คัน ลดลง 19.1%
รถเพื่อการพาณิชย์ 315,000 คัน ลดลง 19.0%
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2552
ปริมาณการขายรวม 221,000 คัน ลดลง 15.7% ส่วนแบ่งตลาด 42.5 %
รถยนต์นั่ง 91,000 คัน ลดลง 14.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.4 %
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 117,800 คัน ลดลง 16.6% ส่วนแบ่งตลาด 43.7%
รถเพื่อการพาณิชย์ 130,000 คัน ลดลง 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%
มร.โซโนดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดรถกระบะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดรถกระบะมีสัดส่วนการขายสูงถึง 60% และลดลงอย่างมาก ในปีผ่านมาเหลือระดับ 50% ในปี นี้ เราจะให้ความสำคัญและส่งเสริมการขายรถกระบะ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ และรักษาระดับการขายรถยนต์นั่งไว้ ทั้งนี้ ไม่เพียงจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเท่านั้น ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมอีกด้วย และขอความสนับสนุนจากรัฐบาลในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มอำนาจซื้อให้แก่ผู้บริโภค ส่งเสริมนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่เพียงส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์เท่านั้น ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมอีกด้วย”
“ภายใต้สถานการณ์การตลาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน นอกจากเป้าหมายการขายที่จะต้องบรรลุแล้ว เรายังต้องเน้นถึงความสมดุลของการบริหารต้นทุน และการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงมุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าเพื่อรักษาความสำเร็จต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรางวัลความพึงพอใจทั้งจากรางวัล JD Power และ TAQA นอกจากนี้ เรายังคงดำเนินงานตามแผนการผลิตรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมโดยจะแนะนำรถยนต์ คัมรี ไฮบริด และ รถยนต์ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติอัด ตามแผนงานที่วางไว้ พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคม และกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในหลายๆด้าน เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสังคมไทย” มร.โซโนดะ กล่าวในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
Mahasamut Saisawan
Public Affairs Office
Toyota Motor Thailand Co.,Ltd
Tel: +66 2 305 2065
Fax: +66 2 305 2014 - 5