กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--กรมสรรพากร
ในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2552 กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ผู้แทนสมาคมประกันชีวิต และผู้แทนสมาคมประกันวินาศภัย ได้หารือและแถลงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเบี้ยประกันชีวิต ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 172)ฯ ที่ได้มีการลงนามไปเมื่อ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ร่วมกัน ซึ่งประกาศดังกล่าว ใช้บังคับสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ได้เริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
(1) กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติม ค่าเบี้ยประกันที่จ่ายสำหรับความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติม ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ทั้งนี้ ใบเสร็จจะต้องแยกเบี้ยประกันชีวิต ออกจากประกันสุขภาพ ประกันพ่วง สัญญาการขยายความคุ้มครอง และประกันอื่นให้ชัดเจน
(2) กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีการรับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนในระหว่างอายุกรมธรรม์ ที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี จะต้องมีการคืนเงินไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตในแต่ละปี กรณีการคืนแบบช่วงระยะเวลา การคืนต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันสะสมแต่ละช่วงเวลา และผลรวมของการคืนในช่วงที่มีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมทั้งหมด ทั้งนี้ ใบเสร็จจะต้องมีการระบุเงื่อนไขการคืนเงินให้ชัดเจนด้วย
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร ได้กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ สำหรับกรณีกรมธรรม์ที่ได้มีการทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 นั้น ก็ยังคงเป็นไปตามแนวเดิม กล่าวคือ หากมีการแยกเบี้ยประกันชีวิตออกมา ก็ให้หักลดหย่อนทางภาษีได้เฉพาะเท่ากับเบี้ยประกันชีวิต”
ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง กรมสรรพากร
เลขที่ 90 ถนนพหลโยธิน 7 พญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2617 3321 โทรสาร 0 2617 3324