กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน รับข่าวดี ได้รับรองกระบวนการเลี้ยงสัตว์น้ำตามมาตรฐาน BAP (Best Aquaculture Practices) 3 ดาว ครบวงจร จากหน่วยงาน ACC (Aquaculture Certification Council, Inc.) นับเป็นกลุ่มบริษัทแรกในประเทศไทย ตอกย้ำนโยบายการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร และใส่ใจในเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน พร้อมเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้ากับกลุ่มบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ เผยปีนี้มุ่งเน้นทำตลาดเชิงรุกควบคู่การพัฒนาความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ พร้อมด้วย 2 บริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจกุ้งประกอบด้วย บริษัท ไทยยูเนี่ยน ซีฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกกุ้งแช่แข็ง และบริษัท ไทยยูเนี่ยน แฮชเชอรี่ จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงเพาะฟักกุ้งขาวและอนุบาลลูกกุ้ง และจำหน่ายลูกกุ้งขาวสายพันธุ์คุณภาพ ได้รับการรับรองมาตรฐาน BAP จากหน่วยงาน ACC (Aquaculture Certification Council, Inc.) ซึ่งองค์กรอิสระของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้การรับรองกระบวนการเลี้ยงสัตว์น้ำตามมาตรฐาน BAP ที่รับรองให้กับบริษัทที่มีนโยบายมุ่งเน้นในเรื่องของการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ใส่ใจและดูแลเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงความปลอดภัยของอาหาร และความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ (Traceability)
นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกุ้ง ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีและภาคภูมิใจที่จะแจ้งให้ลูกค้าของเราทราบว่า กลุ่มบริษัทได้รับการรับรองระบบ ACC ครบ 3 ดาว ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับมาตรฐานที่ได้รับนี้ประกอบด้วยมาตรฐานสำหรับโรงเพาะฟักกุ้ง มาตรฐานสำหรับฟาร์มเลี้ยงกุ้ง (ฟาร์มที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท และฟาร์มที่ทำคอนแทร็กซ์กับบริษัท) และมาตรฐานสำหรับโรงงานแปรรูป ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีเพียง 10 กลุ่มบริษัทเท่านั้นที่ได้
“จากความต้องการและวิธีคิดที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ในส่วนที่เกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารนั้น ทำให้ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมอาหารต้องปรับตัวตามให้ทัน อีกทั้งในปัจจุบัน ลูกค้าต่างต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ซื้อไปบริโภคมากขึ้น นับตั้งแต่แหล่งกำเนิดสินค้า ไปจนถึงวิธีการผลิต และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงต้องการความมั่นใจในคุณภาพสำหรับสินค้าที่ซื้อ และยังสามารถตรวจสอบไปถึงแหล่งผลิตสินค้า ซึ่งกลุ่มบริษัทมีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นที่เชื่อถือให้กับผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีคุณภาพและความปลอดภัยสูง และสามารถตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์นั้นได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่โรงเพาะฟัก ต่อไปยังฟาร์มเลี้ยงกุ้ง และกระบวนการผลิตที่โรงงานแปรรูป จนถึงผู้บริโภค” นายฤทธิรงค์กล่าว
นอกจากบริษัทจะมุ่งเน้นอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขายและกำไรแล้ว ยังมุ่งให้ความสำคัญกับนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และแรงงาน ซึ่งได้มีการปฏิบัติมาโดยตลอด ทั้งนี้นายฤทธิรงค์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนทำธุรกิจด้านอาหารทะเล ดังนั้นเราจึงมีความคิดและตั้งใจที่จะเข้าร่วมหรือมีส่วนร่วมในการพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติกลับคืนมา โดยเริ่มจากโครงการ 1 ล้านต้นกล้า คืนความสมดุลสู่ป่าชายเลน ซึ่งร่วมกับสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 6 จังหวัดเพชรบุรี สนับสนุนการเพาะกล้าไม้ป่าชายเลนจำนวน 1,000,000 ต้น เพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน โดยแจกให้ฟรี นอกจากนี้เรายังจัดกิจกรรมเสริมด้วยการนำผู้บริหาร พนักงาน และลูกค้า ร่วมกันปลูกป่าชายเลนปีละ 2 ครั้ง และในปีนี้เราจะมีอีกหนึ่งโครงการที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูจำนวนประชากรสัตว์น้ำในท้องทะเลไทยนั่นคือ โครงการธนาคารปู ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ”
และจากวิกฤตทางเงินของโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังไม่กระทบกับกลุ่มธุรกิจกุ้งมากนัก เพราะบริษัทยังมีฐานการตลาดที่แข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดี บริษัทมีการติดตามสถานการณ์ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด สำหรับสินค้ากุ้ง ถูกวางให้เป็นสินค้าอาหารทะเลระดับพรีเมียม แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้ต้นทุนการผลิตกุ้งต่ำ กุ้งมีราคาถูกลง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ฐานของผู้บริโภคขยายตัวขึ้น โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดเชิงรุก เพราะเรามองว่ายังสามารถขยายฐานการตลาดได้อีก มีการมองหาตลาดใหม่และลูกค้าใหม่ เพื่อมาทดแทนตลาดหลักที่ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ขณะเดียวกันเราก็จะยังคงรักษาฐานการตลาดเดิมของเราไว้ จากภาพรวมผลการดำเนินงานธุรกิจกุ้งของกลุ่มไทยยูเนี่ยนช่วง 9 เดือนของปี 2551นั้น ยอดขายผลิตภัณฑ์กุ้งแช่แข็งในรูปเงินเหรียญสหรัฐมีการเติบโตขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน โดยมีสัดส่วนการส่งออก 19% ของสัดส่วนการส่งออกของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ที่ผ่าน
มาบริษัทมีการพัฒนาและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของโรงงานแปรรูป โรงเพาะฟัก และโรงงานผลิตอาหารกุ้ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมกุ้ง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายตรงกับความต้องการของตลาดทุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า ธุรกิจกุ้งของกลุ่มบริษัทยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ นายฤทธิรงค์กล่าวทิ้งท้าย
แผนกสื่อสารองค์กร
บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
โทร. 022-980024 ต่อ 675 — 678