กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
ถ้าเอ่ยถึงแรงศรัทธาความเชื่อในเรื่องของการกราบไหว้บูชาเทพเจ้าของคนไทยเชื้อสายจีนและบุคคลทั่วไปแล้วล่ะก็ หลายคนคงกำลังนึกถึงเทศกาลสำคัญ ซึ่งก็คือ"วันตรุษจีน" ซึ่งเป็นประเพณีสิริมงคลที่สืบทอดกันมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวเมื่อกว่า 3,000 ปีมาแล้ว จากคำบอกเล่าของ อ.วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและประเพณีของจีน ได้อธิบายถึงธรรมเนียมการไหว้เจ้าช่วงตรุษจีนในประเทศไทยว่า หลักๆ แล้วมีด้วยกัน 3 วัน คือ วันจ่าย หรือ วันก่อนสิ้นปี ซึ่งผู้คนจะออกไปซื้ออาหาร ผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ วันไหว้ หรือ วันสิ้นปี ตอนเช้ามืด จะไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตอนสายไหว้บรรพบุรุษที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว ตอนบ่ายไหว้ผีที่ล่วงลับไปแล้ว
ส่วนรุ่งเช้าของวันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว จะมีการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ ไฉ่ซิงเอี้ย ซึ่งฤกษ์งามยามดีในปี 52 นี้ ตรงกับเวลาประมาณ 03.00 -04.59 น. ของวันที่ 26 มกราคม อันเป็นช่วงเวลาแห่งขุมทรัพย์ตกบัลลังก์ทอง ทำมาหากินรุ่งเรือง ได้โชคลาภมากมาย โดยให้ตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากนั้นลูกหลานก็จะออกไปไหว้ขอพรจากญาติผู้ใหญ่และบุคคลที่เคารพด้วยส้มสีทองจำนวน 4 ผล อีกทั้งยังกำหนดให้เป็นวันถือ กล่าวคือ ชาวจีนถือว่าปีใหม่เป็นวันสิริมงคล ให้คิดดี พูดดี ทำแต่สิ่งดีๆ ละเว้นจากการทำบาปทั้งปวงนั่นเอง
สัญลักษณ์โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของวันไหว้เจ้าก็คือเรื่องของ “สีแดง” ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องประดับ กระดาษเขียนอักษรมงคล เทียน ซองอั่งเปา หรือแม้แต่ของเซ่นไหว้ก็ยังมีการนำกระดาษสีแดงมาแปะไว้ เพราะชาวจีนเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งมงคล เป็นตัวแทนของธาตุไฟที่ให้กำเนิดชีวิต หมายถึงแสงสว่าง ความอบอุ่น พละกำลัง และความรุ่งโรจน์ เรืองรองของมนุษย์
“หลังจากต้องทนกับสภาพอากาศหนาวเย็นนานถึง 8 เดือน แต่อบอุ่นเพียงแค่ 4 เดือนต่อปี คนจีนส่วนใหญ่จึงชื่นชอบวันที่ฟ้าโปร่งใส มีแสงแดดอย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะแสงแดดจะช่วยให้ พืชพันธุ์งอกงาม เจริญเติบโต ข้าว ปลา อาหารจึงอุดมสมบูรณ์ตามไปด้วย ส่งผลให้ สีแดง ซึ่งเป็นตัวแทนของแสงแดด แสงสว่าง ความอบอุ่น กลายเป็นสีที่มีความสูงส่งเคียงคู่ราชวงศ์และศาสนา เปรียบเสมือนจิตวิญญาณที่แฝงเร้นอยู่ในวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ของชาวจีนมาเป็นเวลาช้านาน”
ดังจะเห็นได้จากค่านิยมการนับถือเทวดาบุญ ได้แก่ เซียน และเทวดาบาป ได้แก่ ผี ทำให้ในปีหนึ่งๆ ชาวจีนต้องจัดพิธีกรรมการไหว้เจ้าและบรรพบุรุษถึง 8 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ ไหว้ตรุษจีน ไหว้ง่วงเซียวโจ่ย ไหว้เช็งเม้ง ไหว้ขนมจ้าง ไหว้สารทจีน ไหว้พระจันทร์ ไหว้ตังโจ่ยและไหว้สิ้นปี ซึ่งล้วนแต่มีการนำไฟและแสงสว่างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการจุดธูป เทียนสีแดง รวมถึงการเปิดโคมไฟ สีแดงโชติช่วงไว้หน้าบ้าน เพื่อแสดงถึงความเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย มั่ง มี ศรี สุข ต้อนรับสิ่งดีๆ และขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป
แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ทว่าบารมีของธาตุไฟนั้นยังคงอยู่ เพราะชาวจีนยังคงยึดมั่นความเชื่อเรื่องแสงสว่างจากไฟว่าเป็นตัวแทนของความเจริญ เมื่อถึงเทศกาลสำคัญครั้งใด คนจีนจึงนิยมเปิดไฟให้สว่างไสวไปทั่วบ้าน และการให้ไฟแก่ผู้ใด ถือว่าให้สิริมงคลแก่ผู้นั้นเสมอ ไม่เพียงแค่เฉพาะในช่วงเทศกาลไหว้เจ้าเท่านั้น แต่คนเราสามารถนำสิริมงคล ความเฟื่องฟู รุ่งเรือง ไปให้กับบุคคลอันเป็นที่รักได้ตลอดทั้งปี ด้วยการมอบของขวัญเป็นแสงสว่างจากดวงไฟ เพื่อนำทางสู่ความเจริญ
ข้อมูลจากหลอดไฟซีลวาเนีย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วันวิสาข์ วสุกาญจน์ (เก่ง)
Media Relations Supervisor
บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทร. 02 354-3588 ต่อ 119 แฟกซ์ 02- 354-3589-90
E-mail : wanwisa@incom.co.th