อภิสิทธิ์ ยกนักลงทุนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวจริง พร้อมชูจุดแข็งด้านอาหารและพลังงานทดแทนเป็นโอกาสของไทย

ข่าวทั่วไป Monday January 19, 2009 15:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--บีโอไอ นายกรัฐมนตรี ยกให้นักลงทุนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตัวจริง พร้อมรับปากรัฐบาลจะมีหน้าที่ในการสร้างความมั่นใจ ปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอน ให้นักลงทุนคลายความกังวล พร้อมชูจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน เป็นโอกาสในการลงทุนของประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “นายกรัฐมนตรีพบนักลงทุน” ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สมาคมไทยญี่ปุ่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ว่า นักลงทุนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับพลังของภาคเอกชน ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่สร้างความมั่นใจ การกำกับดูแลอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งมีมาตรการสนับสนุนภาคเอกชน สำหรับโอกาสทางเศรษฐกิจของไทยในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยนั้น นายกรัฐมนตรีมองว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสอยู่ เพราะโลกยังคงต้องการอาหารและพลังงาน ซึ่งจะเป็นโอกาสของภาคอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน ซึ่งน่าจะขยายตัวได้มากขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญในเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบ และการดำเนินงาน ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยกำกับดูแลบีโอไอมาแล้วในช่วง ปี 2540 — 2543 เพื่อให้สามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและความล่าช้า เช่น ระยะเวลาในการพิจารณาให้การส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้แรงงานสามารถรองรับความต้องการของภาคธุรกิจในอนาคตได้ นายกรัฐมนตรีจะพยายามแก้ไขความขัดแย้ง โดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรมและโปร่งใส จะมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองขึ้น โดยเชิญตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายมาร่วม ด้านนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เร็วๆ นี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ชี้แจงนโยบายและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย และหลังจากนั้นจะเดินทางไปยังประเทศจีนในช่วงปลายเดือนก.พ. ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ อาจไม่ได้ส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาทันที เนื่องจากเศรษฐกิจโลกอยูในภาวะชะลอตัว แต่เป็นการส่งสัญญาณให้บริษัทแม่ในต่างประเทศรู้ว่าไทยมีความพร้อมในการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนเป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกและการสร้างบรรยากาศให้เอื้อกับการลงทุน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6.5 แสนล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ