กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
นายจอห์น คาลเวอร์ลีย์
หัวหน้าสำนักวิจัย ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด โตรอนโต
- เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างหนักต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2552 และจะค่อยๆเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
- สหรัฐดำเนินนโยบายผ่อนคลายอย่างแข็งกร้าว โดยลดอัตราดอกเบี้ยลงเกือบเป็นศูนย์ ตลอดจนมาตรการทางการคลังใหม่ๆอีกหลายอย่างจากประธานาธิบดีโอบามา เพื่อฉุดเศรษฐกิจสหรัฐจากภาวะตกต่ำ
- ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหรัฐในขณะนี้จัดว่ารุนแรงมาก โดยเฉพาะการล่มสลายของฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และความตึงตัวของระบบการเงิน
- ปัญหาที่สหรัฐเผชิญอยู่คล้ายคลึงกับวิกฤติในไทยเมื่อปี 2540-41 แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากคือ สหรัฐไม่ได้เกิดวิกฤติค่าเงิน
- ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังลุกลามไปถึงยุโรปและญี่ปุ่น และหลายๆประเทศในตลาดเกิดใหม่ โดยทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวตามอย่างรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกพร้อมๆกันครั้งรุนแรงที่สุดตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980
- แต่ทันใดที่ปัญหาในสหรัฐเริ่มคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติและเริ่มฟื้นตัว เอเชียก็น่าจะดีขึ้นตาม
- เอเชียโดยทั่วไป มีปัญหาทางด้านโครงสร้างน้อยกว่าสหรัฐ ดังนั้นจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2553
ทิศทางค่าเงินสกุลหลักในปี 2552
โดยนายคัลลัม เฮนเดอร์สัน
ผู้อำนวยการและหัวหน้ากลยุทธ์เงินตราต่างประเทศ
สำนักวิจัย กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
- การดึงเงินกลับ และการลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แคบลงเมื่อเทียบกับสหรัฐ เช่นการลดดอกเบี้ยอีกในยุโรป จะมีส่วนหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนของญี่ปุ่นให้แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
- คาดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าจะเริ่มทรงตัวไตรมาสที่สอง และอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีหลัง
ทิศทางค่าเงินเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น
- ค่าเงินเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นยังคงเผชิญแรงกดดันที่จะอ่อนค่าเนื่องจากนักลงทุนยังคงใช้ความระมัดระวังที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค
- ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ริงกิตมาเลเซีย ดอลลาร์ใต้หวัน เงินบาทของไทย และเงินดองเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง แต่จะอ่อนค่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค
- เงินหยวนของจีนน่าจะค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่อ่อนค่าเมื่อพิจารณาจากดัชนีถ่วงน้ำหนักที่เปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้า
- ค่าเงินวอนของเกาหลี รูปีของอินเดีย เปโซฟิลิปปินส์ และรูเปี๊ยะห์อินโดนีเซีย จะมีแนวโน้มอ่อนค่ามากโดยเปรียบเทียบ โดยเฉพาะในไตรมาสที่สองของปี 2552
แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียและไทยในปี 2552
โดยนางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
แนวโน้มเศรษฐกิจเอชีย
- คาดว่าเศรษฐกิจของเอเชียจะเติบโตช้าลงในปี 2552
- ในขณะที่เศรษฐกิจในหลายๆประเทศในเอเชียจะหดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของ 2552 จากการที่ภาคส่งออกเติบโตติดลบ ส่งผลให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย แต่เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของ 2552
- อัตราการเติบโตของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป โดยจะขึ้นอยู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นหลัก
- อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะเปิดช่องให้มีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย
- เทียบกับวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 วิกฤตซับไพรม์ของสหรัฐ จะมีผลกระทบในวงจำกัดต่อภาคการธนาคารพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ของไทย
- อย่างไรก็ดี วิกฤตครั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคส่งออก การท่องเที่ยว และภาคเกษตร เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย
- ปัญหาการว่างงานมีโอกาสที่จะรุนแรงกว่าวิกฤตการณ์ครั้งก่อน
- การผ่อนคลายนโยบายการเงิน คาดว่า จะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลดต่ำลงกว่าวิกฤตการณ์ครั้งก่อน จากความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดที่เพิ่มขึ้น
- การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่คาดว่าจะสูงขึ้นในปี 2552 จะทำให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สุพัตรา เวชศาสตร์ แผนกองค์กรสัมพันธ์
โทร: 02 724 8022 แฟกซ์: 02 724 8018
supattra.wetchasart@standardchartered.com
เว็บไซต์กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด www.standardchartered.com
เว็บไซต์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) www.standardchartred.co.th
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สุพัตรา เวชศาสตร์
โทร. 02-724-8022