IDC คาดการณ์ว่า การกระตุ้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็น ตัวขับเคลื่อนหลักในอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศไทย

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday January 20, 2009 11:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--ไอดีซี IDC คาดการณ์ว่า การกระตุ้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็น ตัวขับเคลื่อนหลักในอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศไทยในปีนี้ ถึงแม้ว่า การใช้จ่ายด้านไอทีในปี 2009 จะชะลอตัวลง จากความเสียหายทางด้านการเงินและเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และ ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารในปี 2552 อย่างไรก็ตาม IDC ยังคงคาดการณ์ว่า ยังมีเทคโนโลยีหลาย อย่างในประเทศไทย ที่ยังแสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในปีนี้ "แม้ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังสะท้อนให้เห็นภาพที่ชวนให้หมดหวังในอนาคต แต่ก็ยังมี อีกหลายช่องทางในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ยังมีแนวโน้มที่สดใสอยู่ ทั้ง จากการสนับสนุนของทางภาครัฐฯ การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่ 3G และ WiMAX รวมถึง Web 2.0 และ บริการด้านการจัดการระบบรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยี เหล่านี้ถูกคาดหวังให้เกิดขึ้นจริงในปี 2552 ขณะเดียวกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในธุรกิจเทคโนโลยี สารสนเทศในประเทศไทย คือ การตัดสินใจตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านไอที การปรับเปลี่ยนรูปแบบ การทำธุรกิจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น" กล่าวโดย นายอรรถพล สาธิตคณิตกุล นักวิเคราะห์อาวุโส สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และ ธุรกิจบริการ ไอดีซี อาเซียน 10 เรื่องคาดการณ์ของ IDC ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสนเทศ และ การสื่อสาร ของประเทศไทยในปี 2552 มีดังต่อไปนี้ 1. ภาพรวมตลาดไอทีของไทยมีการเติบโตลดลง IDC คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดไอทีของไทยจะเติบโตลดลงถึงร้อยละ 6.7 ในปี 2552 เมื่อเปรียบ เทียบกับปี 2551 จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 12.9 จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และปัญหาการเมือง ภายในประเทศ ส่งผลทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจ หากมองด้านประเภทธุรกิจ ธุรกิจบริการด้านการเงิน และภาคอุตสาหกรรมการผลิต คือกลุ่มหลักที่มีการตัดงบประมาณและมีแผนชะลอการลงทุนทางด้าน ไอที นอกจากนี้ ภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดไอที อย่างเช่น ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์ต่อพ่วง โดยลูกค้าจะพยายามที่จะยืดอายุการใช้งาน ชะลอ การปรับปรุงและเปลี่ยนรุ่นของอุปกรณ์ต่างๆ ออกไป 2. การจุดประกายจากภาครัฐฯ การต่อสู้กับการชะลอตัวของการลงทุนในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ ทางภาครัฐฯ เอง ก็มี การจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายด้านไอซีทีในแผนงบประมาณอยู่แล้ว ประกอบกับมีโครงการใช้จ่าย ด้านไอทีจากศูนย์ราชการแห่งใหม่ และแผนแม่บทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฉบับที่ 2 ที่จะเสร็จสมบูรณ์และมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ด้วยเช่นกัน การจัดสรรงบประมาณดังกล่าวถือเป็นหัวใจ สำคัญด้านการลงทุน ที่ผลักดันให้ตลาดไอทีและการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับประเทศไทย ในปีนี้ 3. Web 2.0 สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาด ในปี 2551 ที่ผ่านมา เทคโนโลยี Web 2.0 ได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี และ ในปี 2552 นี้ เทคโนโลยี Web 2.0 ยังถูกคาดหวังให้เป็นที่สนใจต่อไป ธุรกิจต่างๆ จะนำประโยชน์ของ เทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือ มารองรับการทำธุรกรรมต่างๆ ในประเทศไทย การใช้ Web 2.0 ถูกนำมาใช้งานด้านการตลาด งานนำเสนอสื่อในรูปแบบ New media งานบริการลูกค้าด้วยความ หลากหลาย และบนเว็บไซท์พาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์ IDC คาดว่านอกเหนือจากการเพิ่มการใช้ เทคโนโลยี Web 2.0 อย่างรวดเร็วของกลุ่มบริษัทต่างๆ แล้ว ในปี 2552 สิ่งที่ธุรกิจต่างๆ คาดหวัง ไม่เพียงแค่การใช้งานทั่วไป แต่ยังหมายถึงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นช่องทางที่ดีที่ใช้ใน การส่งเสริมการติดต่อกับลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ 4. 3G กำลังมาแรง ใบอนุญาตให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ที่ได้มีการรอคอยมานานแสนนานถูกคาดว่าจะได้รับการอนุมัติ ให้ดำเนินการภายในครึ่งปีแรกของปี 2552 ถึงแม้ว่าความพร้อมในการให้บริการเชิงพาณิชย์ อย่างเต็มรูป แบบจะตามมาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 ก็ตาม ทาง IDC เชื่อว่าการอนุมัติเรื่องใบอนุญาต ให้บริการ 3G จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนแบบก้าวกระโดดด้านกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้าน โทรคมนาคมในประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างระบบ 3G และ การทำธุรกรรมต่างๆ จะมี การพัฒนาจากการใช้งานเริ่มจากการสื่อสารผ่านเสียง ไปจนถึงการพัฒนาความสามารถของตัวเครื่อง ให้สามารถตอบสนองการใช้งานไปในทิศทางเดียวกัน บริการ 3G ที่จะพร้อมให้บริการในอนาคตอันใกล้ นี้ จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภค และ เปลียนรูปแบบการแข่งขัน ของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยอีกด้วย 5. การควบคุมและการเฝ้าระวังโดยใช้ระบบไอพีโดยภาครัฐฯ รัฐบาลไทยได้จัดให้มีการเดินหน้าครั้งใหญ่ในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยในส่วนพื้นที่สาธารณะ และคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2552 นี้ รัฐบาลไทยได้มีแผนที่จะผสมผสานนำเอา IP Technology และ Security system ในโครงการนี้ ภาครัฐฯ มีแผนที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือ CCTV ในจุดที่ลับตาผู้คน ทั้งในเขตเมือง และบางพื้นที่เป้าหมายในภาคใต้ รวมถึงการติดตั้ง CCTV ตามแยกจราจรต่างๆ เพื่อเฝ้าดูและควบคุมระบบจราจร แผนงานดังกล่าวส่งผลทำให้เกิดความต้องการช่องทางและความเร็ว ในการติดต่อสื่อสารเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดการขยายตัวของ internet bandwidth เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะช่วย ผลักดันให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย ทำการอัพเกรด และพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบ เครือข่ายให้มีศักยภาพมากขึ้น 6. WiMAX - สัมผัสของจริง หลังจากที่มีการโต้เถียงกันเป็นระยะเวลานานถึงความเหมาะสมของเทคโนโลยี WiMAX จากทั้งภาครัฐฯ และผู้ประกอบการ บัดนี้ ได้มีการส่งสัญญาณที่ดีจากผู้ที่มีอำนาจในการจัดสรรคลื่นความถี่ในการให้บริการ WiMAX ว่า อาจจะอนุมัติใบอนุญาตดำเนินการให้กับทางผู้ประกอบการ เข้าทำการประมูลได้ภายใน ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2009 นี้ IDC คาดว่าการมาของเทคโนโลยี WiMAX จะส่งผลให้เกิดความต้องการ และกระตุ้นอัตราการใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและขยายจำนวนประชากรผู้ใช้อินเตอร์เน็ตให้เพิ่มมากขึ้น 7. บริการคงสิทธิ์เลขหมายเฉพาะบุคคล บริการคงสิทธิ์เลขหลายเฉพาะบุคคลนั้นได้รับการเห็นชอบจากสำนักคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ หรือ กทช. และถูกกำหนดให้ดำเนินงานภายในปี 2552 นี้ ทาง IDC คาดว่าการแข่งขัน ในตลาดการสื่อสารของประเทศไทย จะเพิ่มดีกรีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อเก็บรักษาฐานลูกค้าของตน ไว้ให้ได้มากที่สุด ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อจับกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการใช้โปรโมชั่นที่มีแรงจูงใจเป็นอย่างมากเพื่อให้ตนเองอยู่รอดในสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง เช่นนี้ 8. ฝันที่เป็นจริงของมินิโน้ตบุ้ค IDC คาดว่า เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คขนาดเล็ก หรือมินิโน้ตบุ้ค (Mini notebook) ในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 126 ในปี 2552 มีหลายปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันหลัก ที่ทำให้เกิด การเติบโตในปีนี้ได้แก่ โครงการ Green WiFi ในกรุงเทพฯ และการขยายตัวของจุดให้บริการ WiFi ของ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตต่างๆ จำนวนประชากรผู้ใช้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตบริเวณพื้นที่สาธารณะ ในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น มินิโน้ตบุ๊คจะกลายเป็นที่นิยมด้วยความได้เปรียบหลายประการด้วยน้ำหนักที่เบา สะดวกต่อการพกพา และ ราคาที่ไม่แพง IDC เชื่อว่าผู้ผลิตพีซีส่วนใหญ่จะเข้าสู่การแข่งขันในตลาดแห่งนี้พร้อมกับการ แข่งขันที่รุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดการแข่งขันในด้านราคาและการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า ไม่ว่าจะ เป็นรูปแบบหรือฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ (นิยามเฉพาะของมินิโน้ตบุ๊ค: เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คขนาดเล็กที่มีหน้าจอระหว่าง 7-12 นิ้ว ประมวลผลด้วย หน่วยประมวลผลขนาดย่อม เช่น อินเทล อะตอม หรือ เวียร์ โดยที่ยังสามารถประมวลผลระบบปฏิบัติการ รูปแบบเดียวกับโน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป) 9. การเกิดแนวความคิดด้านไอทีสีเขียว IDC คาดว่าแนวคิดไอทีสีเขียวหรือ Green IT จะเด่นชัดมากขึ้นในประเทศไทยในปี 2552 ไม่เพียงแค่ เพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนทางด้านธุรกิจอีกด้วย IDC คาดว่าแนวคิดเรื่องการ ประหยัดพลังงาน และการลดต้นทุนในอุตสาหกรรมไอที ได้ถูกนำมาใช้ให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม ปัจจุบัน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แนวคิดดังกล่าวส่งผลให้การผลิตและส่งสินค้าให้กับผู้ผลิตรายใหญ่ จะต้องมีการรับรองสินค้าในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์รายใหญ่ จึงจำเป็นต้องนำแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ต่างชาติที่มีความต้องการด้านไอทีสีเขียว สรุปว่าจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ จะเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถประหยัดพลังงานรวมถึงสามารถลดต้นทุนลงได้เป็นหลัก 10. โอกาสของการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัย ในปี 2552 นี้ IDC เล็งเห็นว่าการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ ผู้ให้บริการทางด้านไอที เนื่องจากตลาดมีความต้องการผู้ให้บริการที่มีทักษะ และ ความเชี่ยวชาญด้าน ระบบรักษาความปลอดภัยทางไอทีและระบบเครือข่ายมากขึ้น หน่วยงานเอกชนบางรายมีความต้องการ การจัดระเบียบควบคุมและปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล การจัดการ ด้านธรรมาภิบาล หรือ IT Governance ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจและไอที ความต้องการ เหล่านี้จะเป็นอีกแรงขับเคลื่อน ที่จะทำให้เกิดการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัย ในประเทศ ไทย กลุ่มผู้ให้บริการด้านไอทีที่มีความพร้อมในการจัดการที่ดี และมีโซลูชั่นที่เหมาะสม รวมถึงสามารถ รองรับมาตรฐานทางเทคโนโลยีของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ดีเท่านั้น จึงจะมีความได้เปรียบใน การลงสู่สนามการแข่งขันที่ร้อนแรงในปีนี้ได้เป็นอย่างดี ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบรรณาธิการ หากท่านต้องการรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับ "IDC's Thailand Information and Communications Technology (ICT) 2009 Top 10 Predictions" บรรยายโดย นายอรรถพล สาธิตคณิตกุล นักวิเคราะห์อาวุโส สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและธุรกิจบริการ ไอดีซี อาเซียน (ประจำที่ ไอดีซี ประเทศไทย) ท่านสามารถลงทะเบียนเข้าฟังการบรรยายผ่านทางเว็บไซท์ โดยคลิกที่ Webcast Portal ซึ่งพร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2552 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2552 เกี่ยวกับIDC IDC เป็นบริษัทที่ปรึกษา และวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ (IT) โทรคมนาคม (Telecommunication) และ คอนซูเมอร์เทคโนโลยี โดยนำเสนอข้อมูลจากการ วิเคราะห์ เจาะลึก แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ผู้บริหาร และ นักลงทุน ให้สามารถนำไปใช้ประกอบ การตัดสินใจจัดซื้อเทคโนโลยีและกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ ปัจจุบัน IDC มี นักวิเคราะห์ กว่า 1,000 คน ใน 100 ประเทศทั่วโลก ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูล และ ให้คำปรึกษา เชิงกลยุทธ์อย่างรอบด้านแก่ลูกค้าในเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และแนวโน้มของ อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้ง ในระดับโลก ระดับภูมิภาค และ ในแต่ละประเทศ ด้วยประสบการณ์ และ ความเชี่ยวชาญที่สั่งสม มากว่า 44 ปี เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุทุก วัตถุประสงค์ ทางธุรกิจ IDC เป็นบริษัทในเครือของ IDG ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสายเทคโนโลยี วิจัย และ จัดงานสัมมนาชั้นนำระดับโลก ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.idc.co.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : คุณศศิธร แซ่เอี้ยว ที่หมายเลข 662-651-5585 ต่อ 113 Email: sasithorn@idc.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ